- ล่าสุด
- 25-5-2025
- โพสต์
- 1949
- ลงทะเบียน
- 5-10-2010
- สำคัญ
- 9
       
- โพสต์
- 1949
- โรฮัน
- 5768
|
โพสต์เมื่อ 12-12-2010 04:52:11
ผมยังจำเหตุการณ์ได้ดี ถึงโชคชะตาและฟ้า ที่ลิขิตให้ผมต้องมานั่งเปิดเว็บนี้ทุกวัน เหตุการณ์นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนดูหนัง...
ปกติผมทำงานที่ระยอง กลับบ้านที่สมุทรปราการ 1 วันต่อสัปดาห์ พอดีวันนั้นที่บ้านมีไหว้สาร์ทจีน ก็เลยได้หยุดเพิ่มอีกหนึ่งวัน ระหว่างนั่งกินข้าวเที่ยงกับที่บ้าน พี่ชายคนหนึ่งของผมถามในวงกินข้าวขึ้นมาว่า
"ทุกคนเคยดูหนังแล้วร้องไห้เรื่องล่าสุดคือเรื่องอะไร?"
แต่ละคนก็พูดถึงหนังที่ทำให้ตัวเองร้องไห้ขึ้นมา พอถามถึงผม ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า เรื่องที่ทำให้ผมร้องไห้น้ำตาแตกอย่างกับมีใครตาย (คำนี้ติดปากตั้งแต่ได้ฟังจากหนูนาพูด... แต่ขอใช้เพื่อให้ได้บรรยากาศ) คือเรื่อง
"ม่านประเพณี รักเรานี้ชั่วนิรันดร์"
เอ่อ.. หลายคนฟังชื่อหนังแล้วอาจจะเกิดไม่ทันหรือไม่เคยได้ยินน่ะครับ (เพราะอายุหนังบ่งชี้ถึงอายุคนดู ฮ่าๆๆ) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ฮ่าๆๆ
พี่ชายคนที่เปิดประเด็นขึ้นมานั้น พอฟังทุกคนพูดจบ เขาก็พูดถึงหนังเรื่องล่าสุดที่ทำให้เขาเสียน้ำตาได้ นั่นคือเรื่อง "สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก" หลังจากนั้นเขาก็สปอยนิดหน่อย ทำให้ผมอยากจะไปดูขึ้นมา
และก็ด้วยบุพเพอาละวาดอะไรก็แล้วแต่ ที่มันช่างบังเอิญและประจวบเหมาะอย่างร้ายกาจ ผมมีบัตรหนังฟรีอยู่สองใบพอดี และปกติเย็นวันอังคารผมจะมีนัดตีแบดกับเพื่อนอยู่แล้วด้วย เช้าวันนั้นเพื่อนก๊วนแบดก็โทรมาแคนเซิลอีกพอดี (คิดดูแล้วกันว่าพอดีขนาดไหน) ผมก็เลยชวนน้องสาวไปดูหนังแทน ก็ตกลงกันว่าจะไปดูเรื่อง "สิ่งเล็กๆฯ" นี่แหละ
ช่วงบ่าย ระหว่างที่น้องสาวผมนั่งทำงานอยู่ที่หน้าคอมฯ ก็เรียกผมให้เข้าไปดู Trailer หนังใหม่หนึ่งเรื่อง ผมก็ดู เห็นชื่อเรื่อง "กวน มึน โฮ" และก็บอกว่าถ่ายทำที่เกาหลี
"เอาอีกแล้วไง" (ในใจผมคิด)
ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างแอนตี้เทรนเกาหลีมาก (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ อย่าว่ากัน ^^) ผมไม่เคยฟังเพลงเกาหลี มีแต่ได้ยินตามวิทยุชื่อ 2PM บ้าง Girl Generation บ้าง ฯลฯ และยิ่งก่อนหน้านั้นมีหนังไทยที่ไปถ่ายที่เกาหลีหลายต่อหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องล่าสุด "เการักที่เกาหลี" ที่ทำให้ผมยิ่งแอนตี้เทรนเกาหลีมากขึ้น
"มันจะอะไรกันนักหนา" (ผมคิดอย่างนั้น)
สุดท้ายผมก็ทนดู Trailer ที่น้องสาวเปิดให้ดูจนจบ ผมคิดว่า "เออ.. ก็ท่าทางฮาๆดีเนอะ ด่ากันได้อารมณ์ดี" แต่ก็ไม่ได้อยากจะไปดูมากกว่าที่เคย คิดว่ามันก็เป็นหนังฮาๆกวนประสาทที่เกาะกระแสเกาหลีอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ตกหัวค่ำ น้องสาวผมดูรอบหนังอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว ก็ไปดูหนังกัน ผมเพิ่งรู้ทีหลังว่าน้องสาวจะพาผมไปดูเรื่อง "กวน มึน โฮ" {:5_172:}
"เฮ้ยเอาจริงเหรอ? กวน มึน โฮ เนี่ยนะ? เราไม่ได้จะมาดูสิ่งเล็กๆฯกันเหรอ?" ผมถาม
"เรื่องนั้นคนเต็ม ไม่มีรอบแล้วอ่ะ" น้องตอบ
ผมก็ไม่รู้จะทำไง ก็เลยตัดสินใจ
"เอาวะ.. ช่างมันเถอะ ยังไงก็ตั๋วฟรี เข้าไปดูแบบไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ไม่ต้องเสียดายตังค์" ก็เข้าไปดู.......
ผมขอบอกก่อนว่า ผมเพิ่งกลับมาจากไปทำงานที่ต่างประเทศ 10 ปี ผมไม่รู้จัก "เต๋อ" ผมไม่เคยดูเรื่องปิดเทอมใหญ่ฯ ผมไม่รู้จัก "หนูนา" ผมไม่เคยดูเรื่องน้องใหม่ฯ และไม่รู้ว่ามีซิทคอมเทวดาสาธุด้วย
ช่วงแรกของหนัง ผมก็คิดว่า "น่านไง ถ่ายละครอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? ไอ้ประเทศนี้ถ้ามันไม่มีละครมันจะมีอะไรให้เที่ยวไหมเนี่ย?" มามุกเดิมอีกแล้ว ใช้พระนางหน้าใหม่ เพราะค่าตัวถูก และก็เขียนบทให้พระนางกัดกัน ตอนจบของเรื่องก็รักกัน เฮ้อ...สูตรสำเร็จของหนังทั่วไป ผมก็เขียนบทด้าย... อีกอย่างคือ เริ่มต้นมาก็มีแต่ เหี้_ ทั้งเรื่องเลย อะไรเนี่ย? คงจะมาแนวเดียวกับหนังตลกคาเฟ่ทั่วไปที่พยายามยัดเยียดคำหยาบเพื่อให้หนังดูตลกเท่านั้นเองเหรอ? พวกคุณรับผิดชอบสังคมกันบ้างหรือเปล่า? ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ และก็นั่งดูต่อไปจนจบ...
พอออกจากโรงหนัง น้องสาวผมคุยกับน้องชายที่ไปดูด้วยกันถึงหนังที่เพิ่งจบไปตลอดทางที่กลับบ้าน โดยที่ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรแม้แต่คำเดียว น้องสาวผมคงจะกลัวว่าผมจะด่าว่าพาไปดูหนังบ้าอะไร ไร้สาระว่ะ ก็เลยไม่กล้าหันมาถามผมเลย สุดท้าย น้องชายผมหันมาถาม
"เฮียว่าไง? หนังเรื่องนี้เป็นไงบ้าง?"
ผมตอบโดยที่คิ้วทั้งสองยังขมวด และยังมึนๆอยู่ว่า...
"เฮียรู้สึกแปลกๆว่ะ ไม่รู้ว่าแปลกอะไร พูดไม่ถูก คิดไม่ออก แต่มันเหมือนกับคาใจอะไรซักอย่าง ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน"
หลังจากนั้นผมก็ปล่อยความ "แปลกๆว่ะ" ให้ร้อนรุ่มหัวใจอยู่หนึ่งสัปดาห์ (เพราะต้องกลับไปทำงานที่ระยอง) แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าแปลกๆอะไร พอจบสัปดาห์นั้นกลับบ้าน น้องสาวถามผมว่า "ว่าไง? รู้หรือยังว่าแปลกๆอะไร?"
"ก็ยังไม่รู้อยู่ดี" ผมตอบ
พอดีแฟนน้องชายผมเดินเข้ามา พูดขึ้นว่า "เฮียดูน้องชายเฮียดิ บ้าอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่ไปดู กวน มึน โฮ กลับมา หาโหลดแต่เพลง "รักไม่ต้องการเวลา" อยู่นั่นแหละ นี่มันก็เอาเป็นเสียงริงโทนแล้วนะ"
ผมได้ยินเข้า ก็เลยถามว่า "อ๋อเหรอ? เพลงนั้นชื่อเพลง "รักไม่ต้องการเวลา" เหรอ?" (ผมก็ไม่รู้จักวง Klear อีกเช่นกัน)
หลังจากวันนั้น ผมก็เลยเริ่มเสิร์ชหาเพลงนี้ทางเน็ต จนเจอเวอร์ชั่นที่หนูนาร้อง...
เริ่มดูไปหนึ่งรอบ.. สองรอบ.. สามรอบ.. ไปจนผมจำไม่ได้ว่ากี่พันรอบแล้วเหมือนกัน จนผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า "แปลกๆอะไร" แต่ก็ยังไม่แน่ใจชัดๆ สุดท้าย ผมกลับไปดูเรื่องนี้อีกครั้ง "คนเดียว" เพื่อยืนยันคำตอบสุดท้ายว่าผมแปลกอะไร
หลังจากดูหนังจบรอบที่สอง... ผมก็ค้นพบและยืนยันคำตอบ ว่าอีกเจ็ดรอบที่เหลือนั้น ผมไปดูเพราะ "หนูนา" คนเดียวเท่านั้นจริงๆ ขอย้ำว่า "จริงๆ"
ผมขออภัย "เต๋อ" และคนอื่นๆที่แสดงหนังเรื่องนี้ด้วย ที่ผมต้องพูดความจริงจากความรู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ไปดูรอบที่สองขึ้นไปนั้น ในสายตาผมดูแต่การแสดงของ "หนูนา" คนเดียวเท่านั้นจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นฉากนอนดูดาว ผมก็ตะแคงหัวแต่ด้านซ้าย รอให้กล้องตัดกลับมาที่ซีนของ "หนูนา" ไม่ได้เอนกลับมาฝั่งขวาเพื่อดูซีน "เต๋อ" เลย {:5_183:}
หรือฉากนอนคุยกันในโรงแรม ผมก็ตะแคงขวาดูแต่ "หนูนา" คนเดียวเช่นกัน
หลังจากนั้น ผมเห็นอะไรในชีวิตประจำวันเป็นหนังเรื่องนี้ไปหมด...
ผมเห็นโทรศัพท์ของน้องสาวมี Miss Called ผมก็ถามน้องว่า "โหย.. 2 Miss Called.. คุณรีบโทรกลับไปเลย ไม่รู้มีใครตายเปล่าเนี่ย?"
ผมเห็นน้องสาวน้ำตาซึมเพราะดูละครอยู่ ก็ถาม "เป็นอะไรอ่ะ? ร้องไห้น้ำตาแตกอย่างกับมีใครตายงั้นแหละ"
ขนาดแม่ผมถามเรื่องแต่งงาน ว่าผมจะเอายังไงกับแฟนคนนี้ ผมก็ตอบแม่ว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่า เวลาผมอยู่กับเขาแล้วผมแม่มโคตรมีความสุขอ่ะ แล้วเวลาเขาจะขอแยกหรือเขาหายไป ผมแม่มโครตรู้สึกแย่อ่ะ" น้องสาวผมหันมามองผม แล้วแย่งพูดต่อว่า
"อย่างนี้เขาเรียกว่ารักหรือเปล่าอ่ะแม่?" แล้วก็หันมาถามผมว่า "เฮียเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย??? บ้าไปแล้วอ่ะ..."
ผมแอบเคืองน้องสาวอยู่เล็กๆและหาว่าน้องโขมยซีนผม แต่ใบหน้าผมดันมีแต่รอยยิ้ม
พลางพูด สมองผมพลางผุดซีนที่นั่งกินข้าวมื้อสุดท้าย "หนูนา" ยิ้มเขินหลังจากที่ตอบเต๋อว่า "ชั้นชอบมื้อนี้" และตอบน้องสาวอย่างที่กลัวแฟนสาวผมจะเคืองว่า...
"ตั้งแต่เกิดมาในชีวิต เฮียเพิ่งรู้ว่า คำว่า "รอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใส" นั้นเป็นยังไง"
อีกประเด็นคือ ช่วงเวลานั้น ผมคุยกับน้องสาวถึงหนังเรื่องนี้เกือบทุกครั้งที่กินข้าวกัน จนพี่ชายอีกคนหนึ่งก็หาว่าผมบ้าเช่นกัน ผมกับน้องสาวเลยบอกให้เขาไปดูบ้าง
"โอ๊ยหนังไทย รอแผ่นออกก็ได้ เข้าโรงหนังดูไม่คุ้มหรอก" เขาประชด
ผมกับน้องสาวเลยพยายามบอกเขาว่าหนังเรื่องนี้ดียังไง แต่เขาก็ท่าทางไม่แยแสเท่าไหร่ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผมนั่งดูบอลอยู่คนเดียวที่ห้องรับแขก พี่ชายคนนี้ก็เดินมานั่งดูด้วย จู่ๆก็แอบพูดกับผมเบาๆอย่างอายๆว่า
"เฮ้ย.. เฮียไปดู [กวน มึน โฮ] มาแล้วว่ะ"
"แล้วเป็นไงมั่งอ่ะ?" ผมถามอย่างเรียบๆเพราะเกรงว่าเขาจะอายที่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองไปดูหนังไทยในโรงหนัง
"เออ..ใช้ได้ว่ะ" เขาตอบ
หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้เขาพรั่งพรูความรู้สึกดีๆที่มีต่อหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ส่วนผม ก็นั่งอมยิ้มอยู่ในใจว่า ผมสามารถทำให้คนๆหนึ่งที่แอนตี้หนังไทยมากๆ กล้าที่จะเดินเข้าโรงหนังไปดูหนังไทย และที่ภูมิใจยิ่งกว่านั้นคือ เขาเดินออกมาบอกว่า "เออ.. หนังดีว่ะ" ได้
และผมก็เชื่อว่า ปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ได้นั้น จะเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก...
"หนึ่งธิดา โสภณ" |
|