หนูนา แฟนคลับ

กวน มึน โฮ In-Depth Review ของ Mr. Forever จากพันทิป (อีกครั้ง)

ดู: 5377|ตอบกลับ: 46 สร้างโดย : jom_bk
12345ถัดไป
กลับไป

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
21#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:51:25
ไฟล์เดียวกัน... กลับพร้อมกัน...และประโยคตัดความสัมพันธ์ที่จี๊ดถึงใจ...

แววตาของพระเอกที่เฝ้ามองหานางเอกระหว่างขึ้นเครื่องขากลับนั้น
สื่อให้เห็นได้เป็นอย่าดีว่าเขารู้สึกแย่แค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาอยากพูดคุย อยากอธิบาย เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

หลายคนอาจจะถามว่าแล้วไอ้ตอนรอขึ้นเครื่องทำไมไม่พูดกันวะ
ซึ่งก็ตอบง่ายๆ ว่าเป็นคุณจะกล้าคุยเหรอ เพราะแฟนก็อยู่ข้างๆ
จะปลีกตัวไปคุยก็คงลำบาก และที่สำคัญผมว่านางเอกเอง
ก็คงหลบหน้าแน่นอนอยู่แล้ว คงรอให้พระเอกขึ้นเครื่องไปก่อน
แล้วค่อยโผล่หน้าเข้าไปตอน Final call แล้วขึ้นเครื่องเลย

ดังนั้นโอกาสเดียวที่จะได้พูดคุยก็คือตอนทุกคนหลับบนเครื่องนั่นเอง
บทสนทนาสั้นๆ ของทั้งคู่แสดงให้เห็นสภาวะอารมณ์ที่แตกต่าง
ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

ฝ่ายหนึ่งรู้สึกเสียดายความสัมพันธ์ที่เคยมี อยากสานต่อ
แม้จะไม่รู้ว่าจะสานต่อด้วยรูปแบบความสัมพันธ์แบบไหนก็ตามที

อีกฝ่ายหนึ่งตัดสินใจบอกกับตัวเองไปแล้วมาต้องจบ
เพราะเขาทั้งคู่กำลังจะกลับไปแต่งงานกัน ไม่ใช่แค่กลับไปคบกัน
ดังนั้นมันจึงไม่มีที่ว่างสำหรับเธออีกแล้ว และความสัมพันธ์
ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันก็ก้าวไปไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก

"พอเหอะ คุณไม่สงสารชั้นบ้างหรอ"

ฉากนี้พีคเพราะคำพูดแค่ประโยคเดียวเท่านั้นจริงๆ มาพร้อมกับสีหน้า
และน้ำเสียงที่ลงตัวสุดๆ หนูนา... You've done it again !!!

เต๋อกลับมานั่งที่เดิม  แล้วจากนั้นสักพักใหญ่เครื่องมาถึงกรุงเทพ
ก้อยตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดสั้น

… เร็วเหมือนกันเนอะ …

เร็ว… ไม่ต่างอะไรกับควาสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอกคู่นี้
ที่เกิดขึ้นและจบลงได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

… เร็วเหมือนกันเนอะ …

คำพูดสั้นๆ ที่สื่อความหมายในอีกแง่ได้อย่างตั้งใจ



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
22#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:55:06
ของที่ระลึก...

สมกับเป็นผู้กำกับหนังผีจริงๆ จังหวะที่คิดว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว
แต่ผู้กำกับก็ยังคงปรับอารมณ์หนังให้ขึ้นสูงอีกรอบด้วยฉากนี้
ที่น่าจะเรียกว่าเป็นฉากที่พีคสุดๆ ของตัวพระเอก

ระหว่างที่กำลังมองหากุญแจรถอยู่นั้น อะไรบางอย่างก็ร่วงลงมา
จากกระเป๋ากางเกงของเขา เมื่อเขาเดินกลับไปหยิบก็กลับพบว่า
มันคือชิปพนันที่นางเอกให้ไว้เป็นที่ระลึก

เพียงเท่านั้น  สายฟ้าอีกเส้นก็ผ่าลงมากลางใจของเขา

ภาพเก่าๆ ที่ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำค่อยๆ โผล่ย้อนเข้ามาในความรู้สึก
พร้อมๆ กับร่างของเขาที่ค่อยๆ ทรุดตัวลง... อย่างหมดแรงจะกดเก็บ
ความรู้สึกจากส่วนลึกได้อีกต่อไป...

ฉากนี้ผมว่าไม่จำเป็นต้องฟูมฟายมาก  ประมาณนี้กำลังดี
จริงๆ แล้วแค่หยดน้ำตาหยดเดียวที่ร่วงลงมาบนชิปนั้น
พร้อมกับร่างที่ทรุดตัวลง เฟดกล้องมาไกลๆ แค่นี้ก็เอาอยู่แล้ว
เพราะมันปูพื้นมาได้ดีพอแล้วเพื่อจะเข้ามาที่ฉากนี้

หรือจะเอาคำพูดประโยคสุดท้ายของนางเอกมาฉายซ้ำ
จังหวะที่พระเอกดูเหรียญก็ได้

"พอเหอะ คุณไม่สงสารชั้นบ้างหรอ"

ว่าแล้วก็มีหยดน้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงบนเหรียญนั้น
พร้อมกับเสียงเพลงรักไม่ต้องการเวลาท่อนแรกซ้อนทับเข้าไปหน่อย
รับรองว่ามีโฮกันแน่นอนกับฉากนี้ และน่าจะสื่อให้ก้อยเข้าใจได้ในทันที
ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน...
คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา...
ยิ่งเนิ่นนานนานไปเท่าไหร่... ความรักยิ่งมีค่า...
ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน... รักที่ฉันเคยเข้าใจ...

ไม่คิดไม่ฝันเมื่อเธอผ่านเข้ามา...
เหมือนว่าสายตาฉันเองมองไม่เห็นใครๆ...
หยุดที่เธอแค่เพียงสบตา... ละวินาทีนั้น...
โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว... ท้องฟ้ากลับสดใส...

ลมหายใจ... เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้...
ทั้งหัวใจ... ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา...
เธอหยุดยั้งวันเวลา...
แค่เราได้พบกันในวันนี้...
แค่พบเจอกับเธอ.....

ต้องเวอร์ชั่นหนูนาด้วยนะ รับรองว่ามีคนโฮแน่ๆ


http://www.youtube.com/watch?v=Nz5tYBsLxlE
ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
23#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:56:32
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 13-12-2010 00:52

ฉากปิดท้าย... กับคำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ...

หลังจากนั้นหนึ่งปีผ่านไป เราได้เห็นพระเอกมาดูการแสงของ Jump
ที่นางเอกเคยเข้าไปดูตอนที่ไปเที่ยวเกาหลีด้วยกัน
ที่สำคัญเขามาดูคนเดียว ซึ่งน่าจะสื่ออะไรบางอย่างไปในตัว
แม้ว่าจะไม่ได้ชัดเจนอะไรมากนักก็ตามที

ฉากนี้พระเอกไม่ได้มีอาการหันซ้ายหันขวาที่จะมองหาใคร
เพราะเขาคงคิดว่าผ่านมาหนึ่งปีแล้วยังไม่เคยแม้แต่
จะเดินสวนกันทั้งๆ ที่ก็อยู่ที่กรุงเทพเหมือนกัน
อีกทั้งรอบการแสดงของ Jump มันก็เยอะ
แล้วเธอคนนั้นก็เคยดูไปแล้ว จะมาดูซ้ำอีกทำไม

แต่ที่สำคัญผมว่าเขาตัดใจไปแล้วละ ว่าจะได้เจอกับนางเอกอีก
การมาดู Jump ครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอนางเอกแต่อย่างใด
เพียงแต่เขาแค่อยากจะระลึกความทรงจำบางอย่างเพียงเท่านั้น

เราได้เห็นว่าหนังเล่นกับฉากที่ตาแว่นคนนั้นถูกถอดแว่น
แล้วแสดงท่าเหมือนถูกไฟฟ้าซ้อตบ่อยมาก

ซ้ำแล้ว... ซ้ำอีก...

จนบางคนอาจจะรู้สึกว่าบ่อยเกินไปหรือเปล่า
แต่จริงๆ แล้วที่ฉายวนซ้ำหลายรอบเหมือนจะสื่อให้เห็นว่า
ทำไมอยู่ดีๆ ตาพระเอกที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปหนึ่งปี
โดยไม่คิดแม้แต่จะโทรไปหาพี่อ้อยพี่ฉอดเลยเนี่ย
ทำไมอยู่ดีๆ วันนั้นหลังเดินออกไปจากโรง
ถึงได้ตัดสินใจโทรไป อารมณ์อาจจะประมาณนี้

ฉากสั่นครั้งแรก.... เอ่อตลกดี...
ครั้งที่สอง... คิดถึงที่นางเอกเล่าให้ฟัง...
ครั้งที่สาม... คิดถึงที่นางเอกแสดงให้ดู...
ครั้งที่สี่... คิดถึงช่วงเวลาสนุกๆ ที่ร้านอาหารในวันที่เล่าละครเรื่องนี้ให้ฟัง...
ครังที่ห้า... คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยสนุกด้วยกันมา...

จะเห็นว่าแต่ละครั้งที่เห็น สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไป
จากยิ้มตลกสนุกสนาน กลายเป็นรอยยิ้มที่สื่อให้เห็นว่า

เขาไม่ได้กำลังสนุกอยู่กับการแสดงข้างหน้า
แต่เขากำลังมีความสุขอยู่กับความทรงจำในวันเก่าๆ มากกว่า

ที่สำคัญมันทำให้เขาเข้าใจตัวเองว่า


... เขาคิดถึงเธอคนนี้มากมายเพียงใด ...



Mr. Forever ... ตรงนี้ผมขอแย้งนะครับ

ดูเหมือนคุณจะเข้าใจว่าพระเอกเพิ่งจะมาคิดถึงนางเอกเอาตอนที่ดูโชว์ Jump
ผิดนะครับ... ประเด็นนี้ ผมก็ไม่ให้ผ่าน

ความจริงคือ พระเอกคิดถึงนางเอกตลอดเวลา เพราะปกติ เค้าเป็นคนที่ต่อต้านกระแสเกาหลี แต่เค้ากลับปรับเปลี่ยนตัวเอง หันมาสนใจอะไรที่เป็นเกาหลี เพราะอะไร? ...ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึงนางเอก

แล้วที่เค้านั่งดูหนังไทยเป็นร้อยๆ เรื่อง กรอไปกรอมา หลายๆ รอบ เค้าจะไปทำอย่างนั้นหลังจากดูโชว์ Jump จบได้ยังไง? ...เพราะหลังจากดูจบไม่นาน เค้าก็โทรฯ เข้าไปในรายการ Club Friday ... แสดงว่าเค้าจะต้องทำอย่างนั้น แทบจะทุกวัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ...ตลอดระยะเวลา 1 ปี !!!

ความจริงคือ เค้าคิดถึงนางเอกมาโดยตลอด และตามหานางเอกมาโดยตลอด ไม่ใช่เพิ่งจะมาคิดถึงเอาตอนนั้น

ที่เค้าเพิ่งจะโทรฯ เข้าไปในรายการ Club Friday ก็เพราะเค้าไม่เคยเชื่อมาก่อนว่า DJ จะช่วยอะไรเค้าได้ แต่เพราะเค้าลองวิธีอื่นๆ มาหมดแล้ว มันไม่ได้ผล ก็เลยลองเสี่ยงๆ ดู

เค้าไม่ได้คาดหวังอะไรจากการโทรฯ ไปหา DJ อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเค้าก็ยังได้ระบายความอัดอั้นตันใจได้บ้าง
ไม่เกี่ยวอะไรกับการคิดถึงนางเอกขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน (เพราะเค้าคิดถึงนางเอกอยู่แล้ว)

มันซึ้งตรงที่... มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะได้เจอกันคนที่ตัวเองรัก เค้าก็พร้อมที่จะทำ แม้มันจะขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเองก็ตาม

แล้วที่คุณบอกว่าเค้าไปดูโชว์ Jump โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอนางเอก ผมคิดว่ายังสรุปอย่างนั้นไม่ได้นะครับ
บางทีเค้าอาจจะคาดหวังก็ได้ ทำไมจะไม่คาดหวังล่ะครับ? ...ถ้าผมเป็นพระเอก ผมคิดว่าผมจะคาดหวังนะ
ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
24#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:57:37
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 7-12-2010 13:10

เพราะภาพซ้ำนั้นดึงให้เขารู้สึกว่าแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหนึ่งปี
แต่ความทรงจำที่เขามีนั้นมันไม่ได้เลือนหายไปไหนเลย
และสิ่งที่เขารู้สึกหลังจากดู Jump จบก็คือเขาคิดถึงเธอคนนี้มากเพียงใด
นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจโทรเข้ามาในรายการ
ทั้งๆ ที่ในใจไม่เคยเชื่อว่าจะช่วยอะไรได้

แต่สุดท้ายผมเชื่อว่านี่คือทางสุดท้ายสำหรับเขาแล้ว
ที่จะติดต่อกับนางเอกได้ แม้จะไม่เชื่อมั่นสักเท่าไหร่ก็ตามที

เคยเห็นหมอพาญาติตัวเองไปรดน้ำมนต์ หรือหาสมุนไพรดีๆ
มาให้ญาติตัวเองหลังจากที่รู้ว่าวิทยาการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
ไม่สามารถช่วยชีวิตคนที่เขารักได้ไหมครับ

ก็เหมือนกับพระเอกนะแหละ ในเมื่อมันเป็นทางเลือกสุดท้าย
ลองไปมันก็ไม่เสียหายนี่หว่า  ก็เลยลองโทรไปโดยที่ไม่รู้ว่า
นางเอกจะได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า

แล้วมันก็บังเอิญว่า... เธอได้ฟัง...




ตรงนี้ผมไม่มีอะไรจะโต้แย้งครับ... มันบังเอิญตรงกับตรรกะที่ผมสาธยายมาก่อนหน้านี้พอดี... แสดงว่าคุณเองก็ยอมรับ

ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
25#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:59:49
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 15-12-2010 14:40

ชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไป

เราได้เห็นว่าชีวิตของคนทั้งคู่หลังจากกลับมาจากเกาหลี
ก็ยังคงเดินหน้ากันต่อไป ไม่ว่าพระเอกที่ก็ทำงานของเขา
หรือนางเอกที่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปโดยไม่มีทีท่า
ว่าจะกลับไปง้อแฟนคนเดิมอีกเลย

อยากกินโค๊ก กินเป็ปซี่ก็กินได้ตามใจไม่มีใครมาห้ามแล้ว

คงเพราะเธอได้เรียนรู้แล้วว่าการเป็นตัวเองที่ไม่มีใครมาปรุงแต่ง
คือสิ่งที่เธอสบายใจที่สุด ไม่ต้องมีใครมาดูแล ห่วงใย สนใจอะไรมากมาย
เธอก็อยู่ของเธอได้ มีชีิวิตอยู่ต่อไปได้ โดไม่จำเป็นต้องมีใครข้างกาย

ที่สำคัญเธอขับรถเองได้แล้วด้วย ^^

หลายคนอาจจะถามว่าน่ารักแบบนี้ทำไมไม่มีคนมาจีบเลยเหรอ
อาจจะตอบได้ว่าเธอคงยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครเข้ามา
หลังจากพึ่งเจ็บจากความรักมาอย่างสาหัส

ก็เลยอาจจะสนใจแค่ตัวเอง ทำงาน มีความสุขกับเพื่อน กับตัวเอง
โดยไม่คิดว่าพร้อมที่จะคบใครในช่วงนี้ จริงอยู่ที่ว่าตอนอยู่เกาหลี
เธออาจจะดูสนิทกับคนง่าย แต่นั่นเป็นเพราะมันอยู่ต่างประเทศ
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าที่กรุงเทพ เธอจะสนิทกับใครได้ง่ายเช่นนั้น

โดยเฉพาะเมื่อการสนิทกับคนแปลกหน้าระยะสั้นๆ
สร้างบาดแผลให้กับหัวใจเธอได้ร้าวลึกมากมายขนาดนี้
การจะขอพักหัวใจบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

อย่างฉากที่ทำให้เราได้เห็นว่าเธอก็ไปดู Jump รอบเดียวกับพระเอก
ก็แสดงให้เห็นว่าเธอก็คงทำใจได้ดีระดับหนึ่งแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และคงปล่อยให้พระเอกเป็นแค่เสี้ยวความทรงจำสั้นๆ สำหรับเธอ
เพราะในตอนนั้นเธอก็เข้าใจไปแล้วว่าพระเอกคงกลับไปแต่งงานก้อยแล้ว
จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้องไปสนใจให้เจ็บอีก

แต่ระหว่างขากลับ เธอก็เปิดฟัง Club Friday อย่างที่ทำประจำ
แล้วกลับพบว่ามีใครบางคนโทรเข้ามา และเมื่อได้ฟังเรื่องราวของเขา

รอยยิ้มก็แทรกผ่านขึนมาบนใบหน้า พร้อมๆ กับหยดน้ำตา
ที่ค่อยๆ เอ่อปริ่มออกมาเมื่อได้รับรู้ว่า...

… เรื่องราวระหว่างเขาและเธอนั้น …

… ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องฝันๆ เพ้อๆ ที่เกิดขึ้นสั้นๆ …

… แล้วผ่านพ้นเลยไปอย่างที่เธอพยายามบอกตัวเองให้เข้าใจ …


หยดน้ำตาที่ไหลออกมานั้นสื่อให้เห็นว่าเธอเองก็ยังมีความรู้สึกที่ดี
กับความทรงจำเหล่านั้นเช่นกัน แต่มันจะมากพอที่จะทำให้เธอ
ติดต่อกลับไปหาเขาไหม  อันนี้ก็คงตอบไม่ได้

แต่ที่แน่ๆ คือตัวตนของพระเอกคงไม่ได้ดูเลวร้ายในสายตาของเธอ
อย่างที่เคยคิดมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีแน่ๆ เมื่อได้รับรู้
ถึงความพยายามของเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา




ตรงนี้ก็คงต้องขอแย้งอีกเหมือนกัน...

ผมว่านางเอกไม่เคยคิดว่าพระเอกเลวร้ายเลยนะครับ เพราะนางเอกก็ยอมรับสภาพตั้งแต่แรก และบอกกับตัวเองว่าเธอเข้าใจทุกอย่างดี เธอคิดว่าตัวเองโชคร้ายเอง ไม่ได้ถือโทษโกรธใคร

พิจารณาดูแล้ว... ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ

เพราะถ้านางเอกคิดว่าพระเอกเลวร้ายจริง ตอนที่ได้ยินเสียงพระเอกในรายการ นางเอกคงจะไม่มีความประทับใจจนถึงกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตาได้หรอกครับ

อย่างมากก็อาจจะแค่รู้สึกดีเฉยๆ แต่คงจะไม่ปลาบปลื้มตื้นตันใจถึงขนาดนั้น แสดงว่าความความรู้สึกดีๆ ของนางเอกที่มีต่อพระเอก มันยังคงมีอยู่อย่างเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อีกประเด็นนึง...

ความจริง... ที่นางเอกไปดูโชว์ Jump มันก็แค่นางเอกชอบดูโชว์นี้เท่านั้นเอง และที่นางเอกชวนเพื่อนไป ก็เพราะอยากจะให้เพื่อนได้ดูด้วย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความทรงจำ ถึงขนาดที่จะเข้าไปดูโชว์นี้ไม่ได้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะ Hurt

Mr. Forever คงจะลืมไปว่าโชว์นี้ ไม่ใช่โชว์ที่พระเอกกับนางเอกได้เข้าไปดูด้วยกันด้วยซ้ำ... ครั้งแรกที่ได้ดูโชว์นี้ นางเอกเข้าไปดูคนเดียวครับ

มว่าจินตนาการของคุณในส่วนนี้... มันออกจะล้ำไปหน่อยนะ




ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
26#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 16:01:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 9-12-2010 03:30

รักไม่ต้องการเวลา...

... รักไม่ต้องการเวลา ...จริงๆ เหรอ ... ไม่หรอกมั้ง ...

สำหรับผม...

"ความรัก" ... ย่อมมีเงื่อนไขของกาลเวลาเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ...
ไม่ว่าจะสั้นเพียงแค่ชั่วพริบตา...
หรือจะยาวนานตราบกาลนิรันดร์ก็ตามที...

... ความรักต้องการเวลา ...

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าเงื่อนไขของเวลาที่จะเข้ามาเคาะประตูหัวใจนั้น...
มันจะเนื่นนานสักเท่าไหร่ก็เท่านั้นเอง...   

... ความรักต้องการเวลาเสมอ ...

... อย่างน้อยก็สำหรับผม ...


ความรัก... ต้องการเวลา...
แม้จะเพียงแค่ช่วงพริบตา... ก็มีความหมาย...
หรือตราบชั่วกาลนิรันดร์... ผันผ่านไป...
เวลาก็ยังคงมีความหมาย... ภายใต้สายใยของความผูกผัน...

ความรัก... ต้องการเวลา...
แม้จะเพียงแค่ช่วงพริบตา... ในยามหลับฝัน...
เพียงแค่หนึ่งเสี้ยววินาที... ของความผูกพัน...
นั่นเพราะเวลาสำหรับคนมีรักนั้น... สำคัญที่หัวใจ...

แต่สำหรับความรัก... ปลอมๆ...
ต่อให้ใช้เวลาโอบล้อม... มากสักเพียงไหน...
ต่อให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา... ทุกลมหายใจ...
แต่เมื่อไม่ได้อยู่ด้วยหัวใจ... ต่อให้เวลายาวนานสักแค่ไหน...

... ก็ไม่สำคัญ ...

หนังเลือกที่จะจบที่ฉากพระเอกกำลังบอกชื่อตัวเองซึ่งผมว่าเก๋ดี
และก็เปิดปลายให้เดาต่อได้ง่าย  หรือแม้กระทั่งจะเอามาทำ
เป็นหนังภาคต่อก็ยังได้เช่นกัน  ยิ่งประสบความสำเร็จแบบนี้
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของทุนนิยม




โทษที... ไม่เห็นด้วยอีกแล้ว

ผมว่าปัจจัยที่จะตัดสินว่าควรจะสร้างภาคต่อหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องเงินครับ

คุณโต้ง ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ เป็นคนที่ทำงานประณีต เอาจริงเอาจัง และใส่ใจในทุกรายละเอียด
ที่หนังของเค้าประสบความสำเร็จมาได้ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะฝีมือล้วนๆ เพราะฉะนั้น เค้าจะต้องพยายามรักษามาตรฐาน

หนังเรื่องนี้ ประเด็นมันชัดเจน คือ คน 2 คน ที่ไม่รู้จักชื่อกัน แต่ไปเที่ยวด้วยกัน แล้วพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรัก
บทสรุปก็คือ 2 คนนี้ จะต้องรักกันในที่สุด ซึ่งประเด็นมันก็จบไปแล้ว มันไม่มีประเด็นอะไรจะให้พูดถึงอีกแล้ว

ในเมื่อไม่มีประเด็นอะไรจะให้พูดถึงอีกแล้ว ผมว่าคุณโต้งเค้าคงไม่ทู่ซี้ทำภาคต่อออกมาให้ขายหน้าตัวเองหรอกครับ
เรื่องเงินมันเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น

ผมเชื่อว่าคนอย่างคุณโต้ง เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องการประกอบเหตุให้ดี มากกว่าจะเพ่งเล็งเอาที่ผลครับ
ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
27#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 16:03:23
แอบแต่งฉากสั้นๆ แถมท้าย

ตามนิสัยคนช่างเขียนก็อดไม่ได้ที่จะแต่งซีนสั้นๆ ปิดท้ายให้หนังเรื่องนี้
เอาเป็นว่าแชร์ตอนจบแบบที่ผมอยากให้เป็นก็แล้วกันเนอะ

หลังจากหนังขึ้นเครดิตแล้วสักพักก็มีภาพสั่นๆ ขึ้นมา
(ประมาณว่าถ่ายด้วยกล้องวีดีโอ handy cam)

แบ็คกราวข้างหลังเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ
จากนั้นกล้องก็แพนกลับมาอีกมุมหนึ่ง
ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปกลายเป็นภาพของ
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่แบกกระเป๋าอย่างพะรุงพะรัง
ขณะนี้กำลังค่อยๆ จัดกระเป๋าวางไว้บนรถเข็นกระเป๋า
พร้อมสีหน้ากวนๆ และคำพูดจิกกัดคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่

สักพักกล้องหันกลับมาที่คนถ่ายวีดีโอพร้อมคำพูดสั้นๆ

… "กลับไปเที่ยวเกาหลีกันอีกครั้งค่ะ ย้อนรอยเมื่อสามปีที่แล้ว" …

หันกล้องกลับไปที่ชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังเข็นกระเป๋า
ไปที่ช่องเช็คอิน  กล้องวีดีโอถูกซูมไปที่กระเป๋า
เห็นป้ายคล้องกระเป๋าเล็กๆ ที่เขียนเอาไว้ว่า

…. Just Married …

จบแค่นี้ก็พอเนอะ  ซื้อกันไหมไอเดียนี้ อิอิ



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
28#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 16:13:54
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 9-12-2010 03:32

ก็เก๋ดีนะ แต่ผมว่า "just married" ของคุณ มันจะดูฝรั่งจ๋าไปหน่อย

ถ้าเป็นผม ผมจะให้กล้องซูมไปที่ภาพถ่ายคู่กัน หรือภาพถ่ายในวันแต่งงาน ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างในห้องนอน
มีแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา ให้ความรูสึกที่อบอุ่นและประทับใจ

แต่อย่างนี้แหละดีแล้ว... เก๋ดี ไม่จำเจดี ให้คนดูจินตนาการเอาเอง

การที่นางเอกยิ้มทั้งน้ำตาแบบนั้น ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้วว่านางเอกยังรักพระเอกอยู่

ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองรักกำลังทุกข์ใจ เพราะพยายามตามหาตัวเอง มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่นางเอกจะไม่โทรฯ เข้าไปในรายการ...

ก็คนเค้ารักกัน... เค้าจะปล่อยให้อีกคนหนึ่งต้องทุกข์ใจเพราะเค้าได้ยังไง?
ถ้าเป็นตัวเราเองบ้างล่ะ ...เราจะใจจืดใจดำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคนที่เรารักได้หรือ?

ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

0

กระทู้

41

เพื่อน

441

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
441
โรฮัน
914
29#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 18:34:04
อ่านหลาย รอบเลย อ่ะ ชอบมากๆๆๆ
ขอบคุณคับ

8

กระทู้

192

เพื่อน

2520

เครดิต

Platinum Fan

Rank: 4Rank: 4Rank: 4Rank: 4

โพสต์
2520
โรฮัน
41
30#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 18:46:11
จ้าาาาาาาาาาาว่างั้น
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|หนูนา แฟนคลับ สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

GMT+7, 26-5-2025 01:16

Powered by Discuz! X2.5 Release 20120901

© 2001-2012 Comsenz Inc.