- ล่าสุด
- 4-8-2021
- โพสต์
- 1137
- ลงทะเบียน
- 8-12-2010
- สำคัญ
- 0
   
- โพสต์
- 1137
- โรฮัน
- 188
|
โพสต์เมื่อ 15-12-2010 21:16:44
ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าเพิ่งได้มีโอกาส ดูภาพยนตร์เรื่อง กวน มึน โฮ เพราะช่วงที่ภาพยนต์เข้าฉาย ภารกิจเยอะมากๆ เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็คงจะไม่ช้าไปที่ได้ดูเมื่อได้ออกมาเป็นแผ่น CD / DVD ซึ่งดูจบเรื่องต้องขอบอกว่าเรื่องนี้แตกต่างจากหนังรักเรื่องอื่นๆอย่างมากมายเพราะครบรสชาติของชีวิตเลยก็ว่าได้ และเน้นความสนุกสนานปนเรื่องราวชีวิตของ “คนสองคนที่ไม่รู้จักกัน” หากผมจะเทียบกับหนังรักอื่นๆที่เคยดูมา ผมว่าหนังเรื่อง “บีฟอร์ วาเลนไทน์ ก่อนรัก...หมุนรอบตัวเรา” เป็นหนังรักอีกเรื่องที่ผม ดูหลายรอบเหมือนกัน เพราะมีครบทุกช่วงอายุของความรัก ซึ่งในตอนนั้นผมคิดว่าการที่เราจะใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะต้องเจออุปสรรคปัญหาต่างๆมากมาย แต่หากจะเปรียบเทียบกับเรื่อง กวน มึน โฮ ก็อาจจะกล่าวได้ว่าคนละแนวกันเลย แต่ต้องขอยกย่องเลยว่า น้องหนูนา แสดงดีมากๆ เป็นธรรมชาติ และ ไม่ติดขัดกับความเป็นตัวตนของน้องและทำให้ผู้ชมอินกับตัวละครตัวนี้มากๆ ซึ่งหากเป็นนักแสดงหญิงท่านอื่นก็อาจจะแสดงได้ไม่เท่านี้ ประกอบกับน้องได้ร้องเพลงประกอบด้วยทำให้เพลง รักไม่ต้องการเวลากลับมาฮิตติดลมกันอีกครั้ง และหากจะเทียบกับหนังเรื่อง “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก” ผมก็ขอชื่นชมในเนื้อหาสาระของสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการแสดงออกและนางเอกก็น่ารักสมวัย แต่หากจะเทียบในการแสดงแล้วผมว่ายังมีจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติและยังมีบางตอนที่แสดงออกอย่างแข็งๆ และสามารถจับได้เลยถึงความไม่เป็นธรรมชาติได้ปรากฏอยู่พอควร ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมคิดออกมาทันทีหลังจากดูหนังเรื่อง กวน มึน โฮ จบ รอบแรก และคิดเทียบสิ่งที่ผมเคยประทับใจในหนังเรื่องก่อนๆในอดีต
และหลังจากดูเรื่อง “กวน มึน โฮ” ในอีกหลายๆรอบ ต่อๆ มา ผมก็ขอสรุปความประทับใจในหนังเรื่องนี้ดังต่อไปนี้
เปิดตัวพระเอก นางเอก
ที่ผมประทับใจ คือ ฉากบันไดเลื่อน ที่ พระ นาง ต่างคุยโทรศัพท์ กัน โดยผู้เขียนบทใส่มุขเอาไวเหมือนเป็นมุขธรรมดา แต่มันมีนัยแฝงไว้ที่เป็นการเจอกันครั้งแรกของพระนางนั่นเอง และสิ่งที่ตามมาคือฉากบนเครื่องที่นางเอกตื่นนอนเพราะพระเอก ฉากนี้นางเอกไม่มีบทพูดเลย แต่เป็นการแสดงออกด้วยหน้าตาที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า “อีตานี่อีกแล้วเหรอที่เจอกันตรงบันไดเลื่อน”
ฉากต่อมา คือ พระเอกนางเอก ได้พูดคุยกันครั้งแรกที่บ้านพักของนางเอกและพระเอกถามทางไปโรงแรม ฉากนี้ลองดูดีๆ จะเห็นว่าทั้ง พระนางแสดงได้กลมกลืนมากๆ แม้นางเอกจะไม่ได้พูดอะไรตอนพระเอกด่าออกมา แต่ สังเกตจากสีหน้าจะแสดงถึงความมึน งง และขัดแย้ง ว่า “อีตานี่มันด่าอะไรเราเนี่ย”
ฉากรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่พระเอกถูกจับและพูดว่า “เราเป็นคนไทยด้วยกัน” อันนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ต่อมาคำพูดที่โดนใจและน้ำเสียงของหนูนาได้ใจผมมากๆ “ฉันถามคุณจริงๆเลยนะ คุณเป็นบ้าอะไรมากป่ะทำไมต้องตามฉันมาขนาดนี้ด้วย” .......ผมไม่อยากกินหมาแล้ว อ่ะ....^_^
ฉากรถไฟฟ้าใต้ดินตอนที่นางเอกถามชื่อพระเองว่า “มีชื่อไหมเนี่ยคุณเนี่ย” แต่พระเอกกลับกวนว่าถามทำไมอ่ะ ชอบผมเหรอ ทำให้เรื่องชื่อยังคงเป็นปริศนาอยู่นั่นเอง
ฉากต่อมาก็คงเป็นฉากที่เกาะ ฮา นา มิ เป็นการสนทนาระหว่างพระเอกนางเอกที่แสดงความเป็นตัวตนของพระเอก และความไม่ค่อยพอใจของนางเอกที่มองว่าพระเอกชอบทำตัวหลุดๆ รั่วๆ นิสัยแย่ๆ ระหว่างที่เดินชมวิวกัน พระเอกพูดว่า เกาะนี้ก็ชิวๆ ดีนะไม่เหมือนกับทัวร์พวกพาไปตามรอยละครอะไรน่าเบื่อ (ให้สังเกตหน้านางเอก บ่งบอกอะไรหลายๆอย่าง) ฉากบนเกาะนี้เป็นจุดเริ่มต้นทั้งความสัมพันธ์ที่มีทั้งขัดเองกันทางความคิดและตลกไปพร้อมกับมุขของพระเอกช่วงท้าย......^_^ ขอเสริมอีกว่าตอนที่พระเอกพูดว่า “ผมไม่เข้าใจพวกดูหนังเกาหลีเวลาดูแล้วก็ร้องไห้อย่างกับมีใครตายงั้นแหล่ะ” คำนี้ถูกนำไปย้อยรอยตอนพระเอก เจอ น้องเอกที่โรงแรมและปรับความเข้าใจกัน
ฉากต่อมาก็คงเป็นฉากจุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่องตลอด กล่าวคือ ฉากทานอาหารมื้อแรกของพระเอกนางเอกที่เป็นบทสนทนาที่ผมรู้สึกว่ามีรายละเอียดเป็นมีประเด็นที่ยึดโยงไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเอกพูดว่า “มีแต่คนเกาหลีทั้งร้านไม่ใครรู้จักคุณหรอก” เป็นการประทะคารมที่ผมชอบมากๆ เป็นธรรมชาติและประโยคเด็ด..... “เฮิร์ตหรอจ้า” ชอบมากๆๆๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของการทีนางเอกกินเหล้าจนหลับไปและให้มีปากเสียงกับแฟนและเลิกกันในที่สุดในรุ่งเช้าของอีกวัน
ฉากบอกเลิกของนางเอกไม่ต้องบรรยายคงจะทราบกันดี ^_^ และฉากต่อมาคือไปด่าบนสะพานนั่นเอง
ฉากพระเอกนางเอกนอนบนถนนดูดาว...เป็นการสนทนากันที่ดูเข้ากันและออกแนวเห็นอกเห็นใจกัน และมีอยู่ตอนนึงที่นางเอกถามพระเอกว่า “คุณเคยเห็นหิมะป่ะ” ซึ่งจุดเป็นเพราะความฝันของทั้งพระเอก นางเอกที่ต้องการไปเห็นหิมะสักครั้งหนึ่งแต่ช่วงนั่นหิมะมันหมดแล้ว ฉากนี้ก็จะโยงต่อไปยังฉากที่พบพระเอกทราบว่ายังมีหิมะก็รีบลงจากรถมาตามนางเอกและชวนไปดูหิมะกัน ซึ่งก็เป็น จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในช่วงที่สองจนจบเรื่อง
ฉากพระเอกนางเอกแยกทางกัน กับประโยคสุดโดน “ยินดีที่ไม่รู้จัก”
ฉากไปตามรอยไดโนเสาร์ ที่พระเอกถามชื่อ นางเอกให้เดาชื่อ ทั้ง เมย์.... เมรัย และจร...จร...จัด และประโยคสุดฮา “อีหนวด หูกลาง นมแบน ตัวหนา ขาสั้น ตูดใหญ่ ศอกดำ เข่าด้าน หน้าบานยังกะลิง โกรธป่ะ”..... “สมองหมา ปัญญาควาย พ่อมึงตาย แม่ยายมึงสิ้น”
ฉากในโรงแรมที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอำกัน ฉากนี้ได้แสดงความยากคือการแสดงอารมณ์ และมีความสุขสนามอยู่ด้วยผมว่าเป็นฉากที่ทั้งพระนางเริ่มเปิดใจกันบางแล้ว
ฉากหน้าบ้าน มีนอา ก็ยังเป็นฉากที่ทำให้ชื่อของพระเอกนางเอก ยังคงเป็นปริศนาอยู่
ฉากในบ้าน มีนอา ที่นางเอกพูดถึงการดึงเอาพี่อ้อย พี่ฉอด ที่รับปรึกษาปัญหา และเป็นฉากที่ใครจะไปรู้ว่าจะเอาไปเป็นฉากสรุปของภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องนับว่าผู้เขียนบทเก่งมากที่ผูกบทให้ต่อเนื่องและแฝงความนัยไว้ตลอดเรื่อง และโดยเฉพาะที่นางเอกแนะนำให้พระเอกเขียนการ์ดไปขอแต่งงานก้อยซึ่งพระเอกก็ได้ทำตาม แต่ใครจะไปรู้ว่าการ์ดใบนี้จะทำให้เรื่องช่วงท้ายกลับไปกลับมาเหมือนจะสมหวังแต่ต้องเปลี่ยนแปลง.......
ฉากพระเอกนางเอกดูหนังเกาหลีบนรถ ทำให้เราทราบว่านางเอกเคยแสดงเป็นตัวประกอบ...และข้อมูลนี้ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของบทสรุปช่วงท้ายที่เป็นข้อมูลอย่างเดียวที่พระเอกทราบเกี่ยวกับนางเอกว่าเคยแสดงเป็นตัวประกอบนั่นเอง…..คำพูดของนางเอกที่ว่า “ใช่ซิ ฉันมันก็แค่ตัวประกอบ อ่ะ ไม่ใช่นางเอกซะหน่อย” เป็นการตัดพ้อที่ได้ใจผมมากๆๆ
ฉากร้านอาหาร “ก็ฉันเป็นตัวประกอบ อ่ะ มีบทพูดที่ไหนเล่า ....ถึงคุณจะเป็นตัวประกอบแต่ก็เป็นตัวประกอบที่น่ารักที่สุดเลย” และฉากต่อเนื่องลานหิมะ เป็นฉากที่ทำให้รู้ได้ว่าพระเอกเริ่มที่จะชอบนางเอก และการจูบครั้งแรกของพระเอกนางเอกที่ดูอบอุ่นและ บ่งบอกความรู้สึกได้หลายๆอย่าง ^_^ ฉากนี้เป็นฉากไคแมกซ์ ที่ทุกคนน่าจะชอบในหลายๆอย่าง
ฉากพระเอกตามหานางเอก และฉากในโรงแรมที่พระเอกกอดนางเอกกับคำพูดหลายๆ อย่างที่ผมชอบมาก การบอกความรู้สึกของพระเอกที่มีต่อนางเอก โดยเฉพาะที่นางเอกพูดว่า เป็นไรอ่ะ ร้องไห้ น้ำตาแตกอย่างกับมีใครตายงั้นแหล่ะ” ก็ต้องย้อนนึกไปถึงตอนที่พระเอกพูดกับนางเอกบนเกาะ นามิ นั่นเอง
ฉากที่เรียกน้ำตาบนเครื่องบนตอนกลับเมืองไทย “เราก็แค่คนอกหัก 2 คน มาเจอกันที่เมืองนอก หนาวๆเหงาๆ ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมด เราอาจจะคิดไปเองก็ได้ คุณจะรู้ได้ไงว่ามันจริงอ่ะ คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าความรักแบบในหนังมันไม่มีจริงหรอก”
ฉากจบ นางเอกกับเพื่อนระหว่างฟังวิทยุพี่อ้อย พี่ฉอด บนรถ เป็นฉากที่สรุปถึงเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมา คือ มันเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้ง การที่ไม่รู้จักชื่อกัน การรู้แค่ว่านางเอกเคยแสดงเป็นตัวประกอบ และฉากล้อเล่นในบ้านมีนอาของนางเอกพี่อ้อย พี่ฉอด กลับนำมาเป็นบทสรุปสุดท้ายได้อย่างลงตัว
เท่าที่กล่าวมาผมก็คงจะได้แสดงความคิดในส่วนน้อยของผมที่พอจะนึกได้มาใส่ความรู้สึกประทับใจ และ ชื่นชมมากๆ
หากมีเนื้อหาสาระตอนใดขาดตก บกพร่อง ก็ขอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ที่จริงแล้วผมชอบทุกฉากหากจะเขียนจริงคงต้องศึกษาละเอียดให้มากกว่านี้
ขอบคุณครับ
ป.ล. เสียดายที่ไม่ได้ดูตั้งแต่ตอนมันฉากในโรง -- -- * |
|