หนูนา แฟนคลับ

กวน มึน โฮ In-Depth Review ของ Mr. Forever จากพันทิป (อีกครั้ง)

ดู: 4380|ตอบกลับ: 46 สร้างโดย : jom_bk
12345ถัดไป
กลับไป

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
11#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:56:13
ตัวประกอบ

จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ถ้าถามผมว่าอยู่ช่วงไหน
ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงหลังจากดูหนังเกาหลีด้วยกัน
ซึ่งผู้กำกับก็เข้าใจเลือกนะ เอาเรื่อง April Snow มาฉายซะด้วย
ซึ่งหากใครเคยดูหนังเรื่องนี้จะรู้ว่าทรีมเรื่องเกี่ยวกับความรักที่เป็นไปไม่ได้
และไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างพระเอกและนางเอก ที่เปรียบแล้ว
ก็เหมือนกับหิมะในเดือนเมษายนที่มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น

ความรักของคู่พระนางเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน

คนอกหักอย่างสมบูรณ์สองคนที่มาเจอกันที่เกาหลี
เที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง
จนเผลอผูกพันกันไม่รู้ตัว ดูแล้วก็มีโอกาสน้อยมากเช่นกัน

แต่เพราะโอกาสน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาสเลย

หลังจากดูหนังด้วยกันจบ นางเอกก็ได้เห็นว่าอิตาพระเอกนี่
มันโคดปากไม่ตรงไม่กับใจเลย แต่จะแซวก็เห็นใจ
เดี๋ยวมันจะเครียดซะเปล่าๆ ชวนคุยเรื่องอื่นดีกว่า

ว่าแล้วก็เล่าให้ฟังว่าเธอเคยเล่นเป็นตัวประกอบของหนังเรื่องหนึ่งด้วยนะ
คุ้นๆ หน้ามั้ยล่ะ  ว่าแล้วก็หันไปด้านหน้า (ดูอะไรต่อไม่รู้)
ส่วนตาพระเอกก็จ้องหน้าใหญ่เลย แต่สุดท้ายกลับรู้สึกแปลกๆ
เมื่อมองนานเข้าเรื่อยๆ สังเกตจากสีหน้าที่ค่อยเปลี่ยนไป
ครั้นพอนางเอกหันกลับมาก็เลยแก้เก้อว่าจำไม่ได้
เป็นแค่ตัวประกอบนี่นา ใครจะไปจำได้  (ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว)

ฉากนี้น่าจะสื่อให้เห็นว่าพระเอกไม่ได้มองนางเอกแบบเดิมอีกแล้ว
เขาเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นในหัวใจบ้างแล้ว แม้จะแค่บางๆ ก็ตามที



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
12#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:57:36
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 6-12-2010 14:58

นางเอก

ฉากต่อมาคือฉากที่เขาสัญญาว่าจะให้เธอได้กลายเป็นนางเอก
โดยการพาไปพบกับเบยองจุน (ตัวปลอม) พร้อมกับพากษ์เสียง
พร้อมกับตบมุกหยอดส่งท้ายแบบที่เคยทำ
เพียงแต่ครั้งนี้มุกนี้ันโดนใจนางเอกเข้าเต็มๆ

"ถึงคุณจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่คุณก็เป็นตัวประกอบที่น่ารักที่สุดเลย"

ผมเชื่อว่าประโยคนี้ทำให้นางเอกเองก็เริ่มมองด่างด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
อีกทั้งตอนนี้ทั้งคู่ก็เข้าใจว่าต่างคนต่างก็โสดโดยแบบสมบูรณ์แบบแล้วทั้งคู่
ทำให้ประตูแห่งความสัมพันธ์มันค่อยๆ ถูกเปิดออกมาแบบที่ต่างคนต่างไม่รู้ตัว

ซีนนางเอกนี้ผมชอบซีนที่อยู่ใน MV มากกว่าแฮะ มันทำให้รู้สึกว่าเธอดีใจจัง
ที่ได้มาเจอเบยองจุน แล้วพระเอกเองก็รู้สึกดีใจมากกับสิ่งที่เขาทำไป
มันดูน่ารักกว่าซีนที่ตัดใส่ในตัวหนังนะ

หลังจากฉากนี้ทำให้เราได้เห็นว่าคนทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น
จนเข้าสู่ฉากที่ลานสกี. ฉากแก้ผ้ากลางหิมะ และปิดท้ายด้วยฉากหวาน
กับการจูบกันอย่างที่เกิดขึ้นเพราะบรรยากาศเป็นใจ
จนกลายเป็นการเปิดประตูหัวใจของนางเอกไปในที่สุด

… ฉันรักเขาคนนี้เข้าให้แล้วหรือเปล่านะ …

อาจจะเป็นคำถามที่ลอยอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลาก็เป็นได้
นั่นเพราะ ณ เวลานั้นเธอรู้สึกว่าเขาคนนี้คงจะรู้สึกเหมือนกันกับเธอ
ไม่งั้นคงไม่กล้าจูบหรอก แถมยังจุบหลังจากที่เธอพึ่งทำสิ่งที่
คนรักเก่าของเธอเคยบอกว่า "เพ้อเจ้อ" อีกด้วย

มันเลยทำให้เธอรู้สึกว่าเขาคนนี้รักเธอในสิ่งที่เธอเป็นจริงๆ
ไม่ใช่รักที่ภายนอก แล้วมาบังคับให้เป็นอย่างนู้นอย่างนี้
แบบที่เขาต้องการให้เธอเป็น

และฉากนี้ก็คือฉากที่แสดงให้เห็นว่านางเอกเองเปิดประตูหัวใจ
ให้กับพระเอกไปแล้วแบบเต็มๆ บาน



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
13#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:59:28
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 13-12-2010 00:53

ฟันฉับสไตล์หนังผี...

หลังจากปูเรื่องให้หวานได้ที่แล้ว ผกก. ก็ไม่ทิ้งลายเดิม
นั่นก็คือฟันฉับให้กลับไปสับสนอีกครั้ง

ฉากที่ทั้งคู่นั่งรถกลับโรงแรมหลังจากฉากจูบแสนหวานผ่านพ้นไป
ความเงียบงันภายในรถ ที่ค่อยๆ ถูกทำลายลงพร้อมกับคำถามตรงๆ

คำตอบของพระเอกทำให้นางเอกนิ่งอึ้งไป เพราะสำหรับเธอแล้ว
คำตอบของเขาทำให้เธอผิดหวังมาก เพราะเธอไม่ต้องการ
ที่จะกลายเป็นของเล่นของใครอีก โดยเฉพาะกับเกมทีเธอสร้างขึ้นมาเอง
ตอนนี้มันทำให้เธอต้องเจ็บเองอย่างช่วยไม่ได้

ช่วงนั้นในหัวของเธอคงเต็มไปด้วยคำถามอันเป็นที่มาจากการจูบของเขา
ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ ในขณะที่เธอนั้นน่าจะบอกตัวเองไปแล้ว
ว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้ เพราะหลังจากถูกจูบแล้วไม่มีอาการโกรธหรืออาย


นางเอกไม่โกรธนั้น...จริงครับ แต่ที่บอกว่านางเอกไม่อายนั้น... ไม่จริงครับ

นั่นเพราะเธอรู้สึกดี และรู้สึกว่ามีความสุขกับการได้อยู่ใกล้ๆ เขาอย่างนี้
ดังนั้นในช่วงเวลาที่ถูกจูบ เธอย่อมหวังจะให้มันเป็นไปแบบละครเกาหลีที่เคยดู
นั่นก็คือการได้ยินคำสารภาพหวานๆ หลังจากที่พระเอกจูบนางเอก

แต่เธอกลับไม่ได้รับมัน...

เขาคนนั้นตอบกลับคำถามของเธอมาเพียงแค่ความรู้สึกไม่แน่ใจ

นั่นคือที่มาของความรู้สึกว่าเธอไม่ควรเผลอใจไปมากกว่านี้
เกมนี้มันควรจะจบเพียงเท่านี้ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดมากไปกว่านี้

แต่เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร และไม่รู้จะตอบอะไร
จึงทำได้เพียงแค่เฉไฉไปเรื่องอื่นว่าจะไปเที่ยวกับมินอาบ้าง
อะไรบ้างไป และแน่นอนว่าตาเฉิ่มที่นั่งข้างๆ ไม่รู้เรื่อง
และเมื่อถามกลับว่าเป็นอะไร

... "ไม่ได้เป็นอะไร" ...

คือคำตอบที่ได้รับ ซึ่งเป็นคำตอบที่เขาเกลียดมันที่สุด
เพราะได้ยินคำพูดแบบนี้จากก้อยจนชาชิน
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาโมโหมากและลงจากรถไป




ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
14#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:00:36
ไม่ได้เป็นอะไร...

สำหรับพระเอกที่ก่อนนั้นระหว่างที่คบกับแม่พระอย่างก้อย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิด เช่น ผิดนัด
ไปสาย, ทำอะไรอย่างที่ก้อยคาดหวังไม่เคยได้
แต่ทุกครั้งที่สิ่งเขาได้รับกลับมาแทนที่จะเป็นการงอน, โกรธ
กลับเป็นคำพูดสั้นๆ ยามเขาขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นแค่การแก้ตัว
หรืออะไรก็ตามที

"ไม่เป็นอะไรแน่นะ"

"อือ  ไม่เป็นไร" รอยยิ้มบางๆ พร้อมกับสายตาที่มองผ่านมานั้น
เหมือนจะบอกกับเขาว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรจริงๆ
นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว
และเมื่อเรื่องอย่างนี้ผ่านไปนานเข้าๆ มันทำให้เขารู้สึกว่า
บางทีก้อยอาจจะเบื่อเขาแล้ว แต่ยังฝืนทนคับกันต่อไป
เพียงเพราะไม่อยากรู้สึกว่าเลือกแฟนผิด

เพราะเส้นทางชีวิตของก้อยเป็นอะไรที่อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องเสมอ
ไม่ว่าจะการเรียน, หน้าที่การงาน, ฐานะ ตลอดจนความมั่นคงของชีวิต
มันเลยทำให้พระเอกที่มักจะถูกคนรอบข้างมองว่าด้อยกว่ามาก
อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองมีความพร้อมมากพอแค่ไหนที่จะไปดูแลเธอคนนี้
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเธอคนนี้ไม่ได้มีความต้องการพึ่งพาเขาเลยสักนิด

กลับกลายเป็นเขาต่างหากที่ต้องพึ่งพาเธอคนนี้เรื่อยมา

ดังนั้นเมื่อถูกถามเรื่องแต่งงานเขาจึงกดดันมาก
จนกลายเป็นปมใหญ่ทำให้ทั้งคู่เลิกรากันไปในที่สุด

ซึ่งจะว่าไปการที่เขาเลิกกับก้อยนั้น อาจจะมีที่มาจาก
การไม่ได้พูดคุยกันอย่างเปิดอกมากพอ

ฉากที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่นางเอกหลังจากนางเอกพูดว่าไม่ได้เป็นอะไรนั้น
คือหนึ่งในปมในใจของเชา เพราะก่อนนั้นระหว่างที่คบกับก้อย
เขาไม่เคยถามต่อหลังจากได้ยินคำว่า "ไม่ได้เป็นอะไร" จากเธอเลย

ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดแบบนี้เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง
มันเลยทำให้เขาระบายมันออกมาเต็มที่ และก็ทำอย่างที่เคยเป็น
นั่นก็คือระบายแล้วพาตัวเองออกมาจากความอึดอัดนั้นให้เร็วที่สุดนั่นเอง



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
15#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:03:02
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 6-12-2010 15:03

ฉากพีคที่ไม่พีค (ทั้งๆ ที่มีแฟนชื่อพีค  ฮ่าๆๆ)

ฉากต่อมาคือฉากที่พระเอกวุ่นวายใจตามหานางเอกที่เขาคิดว่า
จะขับรถคันนั้นผ่านเขาไปอย่างเย็นชา เพราะระเบิดอารมณ์ที่ลงก่อนหน้านั้น
แต่กลับกลายเป็นว่ารถคันนั้นไม่ได้ผ่านเลยไปสักที จนกลายเป็นเขา
ที่รู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น จนต้องวิ่งหน้าตาตั้งกลับไปดู
ซึ่งก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าของรถที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้
พร้อมกับกุญแจที่เสียบคารถอยู่  (พระเจ้า กล้าเนอะ !!!)

ฉากนี้แม้จะดูเวอร์ไปนิด เพราะถ้าเป็นเมืองไทยหรือในยุโรป
หรือแม้กระทั้งเกาหลีเองในความเป็นจริง  รถไม่เหลือแน่ ฮ่าๆๆ

แต่เพื่อเติมเชื้อไฟเข้าไปก่อนเข้าสู่ฉากพีคสุดในเรื่อง
มันก็ต้องเป็นไปเช่นนั้น  พระเอกขับรถวนหานางเอกอย่างร้อนใจ
ก่อนจะกลับมาพบกันที่โรงแรมพร้อมกับซีนอารมณ์ที่ผมรู้สึกว่า
เต๋อยังสอบไม่ผ่าน  อารมณ์ยังดูล้นๆ และยังไม่ลงตัวเท่าไหร่
ในขณะที่หนูนา กลับสอบผ่านสบายๆ กับซีนยากๆ ซีนนี้

จริงๆ ถ้าเต๋อสื่ออารมณ์ได้ดีกว่านี้อีกนิด ฉากนี้คงเรียกน้ำตาคนดูได้่ดีขึ้น
เพราะบทพูดดีอยู่แล้ว ขาดแค่การทำให้คนเชื่อว่าอิตานี่มันรู้สึกอย่างนี้จริงๆ เท่านั้นเอง




ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
16#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:09:09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 13-12-2010 00:54

ตรงนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับ Mr. Forever เท่าไหร่นะครับ

จริงอยู่ว่าเต๋อร้องไห้ไม่เก่ง (สู้หนูนาไม่ได้) แต่สำหรับผู้ชายสไตล์กวนๆ แบบนี้ มันก็ร้องไห้ได้แค่นี้แหละ จะให้ฟูมฟายกันไปถึงไหน

Mr. Forever ไม่ให้ผ่าน... แต่ผมให้ผ่านนะ

ผมดูฉากที่ Lobby ในโรงแรมทีไร น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาคลอหน่วยทุกที มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติ บทพูดมันโดนใจ ตรงไปตรงมา ไม่เลี่ยน ไม่เว่อร์ เป็นคำพูดที่คนทั่วๆ เค้าใช้พูดกัน คนดูสามารถรู้สึกร่วมได้

เยี่ยมมากครับ ทั้งเต๋อและหนูนา

โดยเฉพาะเต๋อ... ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

จริงอยู่ว่าเต๋อไม่ใช่คนที่มีความสามารถด้านการแสดงระดับขั้นเทพ แต่สิ่งที่เต๋อมีเหนือกว่านักแสดงทั่วๆ ไป ก็คือ เต๋อ เป็นคนที่รู้จักและเข้าใจเรื่องของการใช้ "จังหวะ" เป็นอย่างดี

สำหรับผมแล้ว เต๋อ นับว่าเป็นบุคคลากรที่ทรงคุณค่าของวงการบันเทิงไทยอีกคนนึงเลยทีเดียว เก่งจริงๆ ครับ ผมขอคารวะจากใจ

พยายามต่อไปนะครับ
อีกอย่างที่ Mr. Forever บอกว่าปล่อยรถทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่กลัวรถหายเหรอ?  

ดึกๆ ดื่นๆ กลางค่ำกลางคืนบนทางเปลี่ยวแบบนั้น แถมอากาศก็หนาว ใครมันจะมีกะใจมาเดินป้วนเปี้ยนคอยมองดูรถที่จอดทิ้งไว้?
โจรมันก็กลัวหนาวตายเหมือนกันนะครับ

หรือถ้าเป็นโจรที่มีรถ (ไม่เดินป้วนเปี้ยนก็ได้) ถนนเส้นนั้น ในเวลาแบบนั้น รถที่ขับผ่านไป-มา ยังแทบจะไม่มี คงไม่มีใครคิดจะไปขับรถตระเวนดูแถวนั้นเพื่อหวังจะโขมยรถคนอื่นหรอกครับ

ถ้าผมเป็นโจรนะ ผมจะขับรถตระเวนไปตามหมู่บ้าน หรือลานจอดรถในเมืองดีกว่า ยังได้ลุ้นมากกว่า

สรุปว่า... เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ

Mr. Forever ...ประเด็นที่คุณยกมา ผมไม่ให้ผ่านนะครับ

ขอแถมอีกหน่อย

ในความเป็นจริง... คนเราเวลาที่ทะเลาะกัน กำลังโกรธ กำลังน้อยใจ กำลังโมโหใส่กัน ไม่มีใครมัวมาคิดถึงเรื่องแบบนั้นกันหรอกครับ
แล้วอีกอย่าง... พระเอกไม่รู้ด้วยว่านางเอกขับรถไม่เป็น ถ้ารู้ก็คงไม่ทิ้งนางเอกไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว


ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
17#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:42:49
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 13-12-2010 00:56

หากได้อ่านการ์ตูน จะเห็นได้ว่าการที่พระเอกได้คบกับก้อยนั้น
ไม่ได้มีการบอกรักที่หวานชื่นอะไรมากนัก เป็นเพียงแค่อารมณ์
ของเด็กปีหนึ่งที่แอบปลื้มรุ่นพี่ในช่วงงานเลี้ยง และพอเมาได้ที่
ก็สารภาพรักไปแบบไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับใดๆ
แค่ขอให้ได้บอกเท่านั้นเอง และเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่าความรู้สึก ณ ตอนนั้นมันคืออะไร รู้เพียงแค่รุ่นพี่คนนี้สวยถูกใจ
ก็เลยเอ่ยสารภาพไปเท่านั้นเอง แต่ก้อยกลับตอบรับคำสารภาพนั้น
และทำให้ทั้งคู่คบกันในที่สุดท่ามกลางความแปลกใจของคนรอบข้าง

จากนั้นมาแปดปีที่คบกัน ก็ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่งพระเอกไปตะโกนด่านางเอกหน้าคอนโดนนั่นแหละ
เลยเลิกกันไปในี่สุด

ด้วยเหตุนี้ทำให้ตาพระเอกเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง
เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่เขารู้สึกอยู่นี้มันคืออะไร มันเป็นแค่ความหลงใหล
ที่เกิดขึ้นเพราะความสนิทสนมที่เกิดขึ้น และพร้อมจะเลือนหายไปในที่สุด
หรือมันคือความรู้สึกที่ลึกกว่านั้น... ที่เขาเรียกกันว่า... "ความรัก"...

และนี่คือที่มาของฉากสารภาพรักแบบซื่อๆ ของพระเอกนั่นเอง...


ฉากนี้ปิดท้ายด้วยความน่ารักสุดๆ กับการขอกอดอีกครั้งของพระเอก

... "ก็ไม่ได้ห้ามนี่" ...

โหยปิดซีนได้น่าหมั่นเขี้ยวมาก แม้ซีนนี้จะเรียกความโฮไม่ได้อย่างที่หวัง
แต่ใครไม่อมยิ้มตามก็ด้านชาทางอารมณ์แบบสุดๆ แล้วละ
ที่สำคัญสีหน้าและน้ำเสียงของหนูนาฉากนี้สอบผ่านแบบสุดๆ

อยากดูหนังเรื่องใหม่ซะแล้วสิ ขอเน้นดราม่าไปเลยได้มะ หุๆๆๆ




ตรงนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เต๋อ เป็นคนที่รู้จักและเข้าใจในเรื่องของ "จังหวะ" เป็นอย่างดี

บทพูดที่ว่า "กอดอีกทีได้ป่ะ?" เป็นบทพูดที่ เต๋อ คิดขึ้นมาสดๆ ในขณะถ่ายทำ
และที่ผมทึ่งมากๆ ก็คือ บทพูดตอบที่ว่า "ก็ไม่ได้ห้ามนิ" ก็เป็นบทพูดที่ หนูนา คิดขึ้นมาสดๆ ด้วยเช่นกัน

ผมรู้ว่าหนูนาเป็นคนที่มีไหวพริบและปฏิภาณเป็นเลิศ... แต่ทั้งๆ ที่รู้อย่างนี้แล้ว ก็ยังอดทึ่งในความเฉลียวฉลาดของหนูนาไม่ได้

เต๋อ คงจะเห็นว่าซีนนี้ ถ้าจบลงโดยให้มีแต่บทพูดอย่างเดียว อารมณ์มันจะขาดหายไป ถ้าจบลงด้วยการกอดกัน อารมณ์มันจะสมบูรณ์และลงตัวมากกว่า เพราะคำพูดทั้งหมด มันได้นำไปสู่การกระทำ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันจะต้องหนักแน่นมากกว่า... สมดังที่เค้าพูดกันว่า "การกระทำสำคัญกว่าคำพูด"

ทุกคนคงเห็นด้วยกับ เต๋อ นะครับ
ทีนี้คงจะยอมรับกันแล้วว่า เต๋อ เก่งแค่ไหน
ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
18#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:44:54
ชอบมื้อนี้...

หลังจากผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ก็เข้าสู่ฉากหวานแบบเต็มที่
เราเห็นทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน เดินชมเมือง ยิ้มแย้มสนุกสนาน
และตบท้ายด้วยการนั่งกินของกินข้างทางเพราะตังค์จะหมดแล้ว

"ตั้งแต่กินข้าวด้วยกันมา ชอบมื้อไหนที่สุด" คำถามง่ายๆ
ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ก็แค่บทสนทนาธรรมดาๆ ทั่วไป

"ชอบมื้อที่บ้านมินอา กลับไทยแล้วทำให้กินหน่อยนะ"

"อือ  แต่ไม่รู้จะทานได้หรือเปล่านะ"

"ละคุณล่ะ ... ชอบมื้อไหน"

แววตาคู่นั้นมองสบกลับมาที่คนถาม พร้อมกับรอยยิ้มหวานสุดหัวใจ

... "ชอบมื้อนี้" ...

คำพูดสั้นๆ แต่เรียกหยดน้ำตาให้เอ่อปริ่มบนขอบตาผมได้อย่างง่ายดาย
ฉากนี้คะแนนเต็มสิบให้หนูนาร้อยแต้มไปเลย

ผมชอบหนังขอ GTH ตรงนี้แหละ ที่ไม่ต้องมีคำพูดประดิษฐ์ประดอยอะไรมากมาย
ไม่ต้องใช้ภาษาเริดหรูเหมือนในนิยาย แต่ปล่อยคำพูดธรรมดาๆ
มาในจังหวะที่ลงตัว หลังจากปูพื้นฐานความสัมพันธ์มาพอสมควร
มันก็ทำให้คนดูคล้อยตามได้ง่ายๆ ซึ่งไม่ว่าจะฉากซึ้ง หรือฉากตลก
จะมาแนวนี้ตลอด คือเรียกว่าเล่นกับจังหวะ ไม่ใช่เน้นบทพูดเพียงอย่างเดียว



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
19#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:46:30
ฟ้าผ่ากลางเกาหลี !!!

นึกว่าหนังจะจบแบบแฮปปี้ๆ แนว Feel Good อย่างที่เคย
แต่ด้วยความที่กำกับหนังผีมาจนเคยตัว ทำให้ไม่สามารถ
ปล่อยให้อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งในหนังเป็นไปแบบเรียบนิ่งได้นานนัก

ว่าแล้วผู้กำกับก็ใช้จังหวะหนังผีอีกครั้ง  ตึ่ง !!!!

ก้อยมาหาพระเอกแล้วดันบังเอิญเจอกันอีกด้วย
ทั้งๆ ที่ปกติเที่ยวกันข้างนอกตลอดเวลา
แล้วถ้ามาช้ากว่างนี้อีกสักชั่วโมงก็คงคลากันไปแล้ว

ฉากนี้มีคนตั้งคำถามมากมาย...

…. ตามมาได้ไงวะ
…. ทำไมโปสการ์ดข้ามประเทศส่งไวจังวะ
…. ทำไมสองคนนี้เดินออกมาจากโรงเแรมเดียวกันวะ ทำไรกันหรือเปล่า
…. ก้อยรวยขนาดหาตั๋วเครื่องบิน บินตามมาได้ด้วยเหรอ

และอีกมากมายหลายคำถาม ซึ่งก็คงตอบได้แค่ว่าก้อยตามมาถูก
เพราะโปสการ์ดที่ส่งไป เป็นโปสการ์ดของโรงแรมแบ็คแพ็ค
ที่นางเอกอยู่นั่นเอง ก็เลยตามมาที่นี่ แบบจังหวะนรกพอดี

ส่วนถามว่ารวยแค่ไหน ในการ์ตูนบอกว่าก้อยทำงานเก็บเงิน
จนคิดจะดาวน์บ้านแถวชานเมืองสักหลัง และดูราคา
ที่หลังจะสี่ห้าล้านเอาไว้ ก็คงมีเงินเก็บมากพอสมควร

ดังนั้นการจะตามมาหาพระเอกที่เกาหลี หลังจากได้โปสการ์ด
ขอแต่งงานจึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่นัก
อีกทั้งการกลับไปรับคำขอแต่งงานของพระเอกที่เกาหลี
สำหรับเธอมันคงทำให้่รู้สึกว่าโรแมนติคมากกว่า
การรอให้พระเอกกลับมาแล้วค่อยตอบรับพอสมควร

แม้เราจะไม่รู้ว่าการที่ก้อยตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับพระเอก
เป็นเพราะอะไร แต่เรารู้ว่าท่ามกลางความไม่แน่ใจ
ในความพร้อมที่พระเอกเอาแต่รู้สึกไปเองนั้น
ก้อยไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย

เธอรักเขา  และเฝ้ารอที่จะแต่งงานกับเขาอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อได้รับการตอบรับที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน
เธอจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าคนที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้น

... ต้องเป็นคนที่เธอรักเท่านั้น ...

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่
เพราะเธออยากจะบอกให้เขารับรู้ว่า
เธอพร้อมที่จะแต่งงานกับเขาเสมอ

อีกทั้งบางทีเพื่อนที่พระเอกมาเจอที่เกาหลี
อาจจะโทรไปบอกก้อยก็ได้ว่าเจอพระเอกที่นี่
และได้บอกไปแล้วว่าก้อยกำลังจะแต่งงาน
ก็เลยทำให้ก้อยร้อนใจ กลัวว่าพระเอกจะตัดใจไปก่อน
ก็เลยต้องรีบบินมาบอกให้เขารับรู้ว่า

สุดท้ายแล้วคนที่เธอต้องการที่จะแต่งงานด้วยมากที่สุด

... คือเขาเท่านั้น ...
ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
20#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 15:48:34
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 6-12-2010 15:49

และนั่นคือที่มาของฟ้าที่ผ่าลงกลางใจของคนสองคนที่เกาหลี

"เราแต่งงานได้แค่ครั้งเดียวใช่ไหม งั้นเราก็ต้องแต่งงานกับคนที่เรารักมากที่สุดสิ"

เจอกับคำพูดแบบนี้หัวใจที่ไม่เข็มแข็งก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา

คนหนึ่งคือความรักที่อยู่กับเขามานับแปดปี

ในขณะที่อีกคนคือความรักที่พึ่งก่อเกิดจากความสัมพันธ์ไม่กี่วัน

และนั่นคือที่มาของอ้อมกอด...

เขาเลือกที่จะกอดความสัมพันธ์แปดปีที่กลับมายืนต่อหน้าเขาเอาไว้
มากกว่าจะเดินไปกอดความไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ไม่กี่วัน
ที่อาจจะเลือนหายไปได้ไม่กี่วันหลังจากกลับไปถึงเมืองไทย

แววตาคู่นั้นที่เธอได้เห็นคนที่บอกว่ารักเธอกำลังกอดกับใครอีกคนอยู่ต่อหน้าต่อตา
โดยที่เธอเองไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าจ้องมอง และสุดท้าย
ต้องเป็นฝ่ายเดินหายจากไปเอง

นั่นจึงเป็นที่มาของการร้องไห้บนรถ taxi อย่างหมดสภาพของเธอนั่นเอง

สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้เหงาของเขา
เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งก็เป็นแค่ตุ๊กตาให้คนที่เธอเคยรักอีกคน
จับแต่งตัวไปมาอย่างที่เขาต้องการให้เธอเป็น

การต้องถูกทำร้ายความรู้สึกของหัวใจซ้อนๆ กันถึงสองครั้ง
ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน มันก็เลยทำให้หัวใจของเธอ
อาจจะเกิดรอยร้าวลึกที่ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจ

ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น... เธออาจจะเคยเชื่อว่าบางที...
ความรักอาจจะไม่ต้องการเวลาอะไรมากมายนัก...
แค่คนสองคนรู้สึกตรงกัน... บางทีมันก็อาจจะเพียงพอแล้ว...

แต่วันนี้เธอได้เรียนรู้แล้วว่า...

สุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก...
ทุกคนก็ต้องเลือกความรักที่มีต้นทุนทางเวลามากกว่าอยู่ดี...

ณ เวลานั้นเธออาจจะรู้สึกเคว้งคว้างที่สุดในชีวิต
จะกลับไปหามินอาก็ไม่ได้ เพราะตั๋วเครื่องบินคงเลื่อนไม่ทันแล้ว
จะโทรไปปรึกษาเหมียวก็คงไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เหมียวฟัง
และขีนโทรไปเล่าให้ฟัง ก็คงโดนด่ายับที่เผลอใจให้ใครง่ายขนาดนี้

ณ เวลานั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เธอเหงา... เศร้า… และคว้างที่สุดในชีวิต...

หยดน้ำมากมายเหล่านั้นคือการระบายออกเพียงอย่างเดียวที่เธอทำได้

… ณ ห้วงเวลานั้น ...



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|หนูนา แฟนคลับ สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

GMT+7, 2-6-2024 07:17

Powered by Discuz! X2.5 Release 20120901

© 2001-2012 Comsenz Inc.