หนูนา แฟนคลับ

กวน มึน โฮ In-Depth Review ของ Mr. Forever จากพันทิป (อีกครั้ง)

ดู: 4382|ตอบกลับ: 46 สร้างโดย : jom_bk
12345ถัดไป
กลับไป

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:21:57
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 23-1-2011 00:14

กระทู้นี้มีคนตั้งไปแล้ว แต่เป็นกระทู้ที่ให้คลิกลิงค์เข้าไปอ่านในพันทิป สำหรับคนที่เข้าพันทิปบ่อยๆ ก็คงจะเจอประสบการณ์คล้ายๆ กัน คือ ลิงค์มักจะเสียบ่อย เข้าได้บ้าง เข้าไม่ได้บ้าง เพื่อตัดปัญหา ผมขอก๊อปมาทั้งยวง เอามาแปะในนี้เลยละกัน ขออนุญาตนะครับ


ถ้าใครจะเข้าไปอ่านในพันทิปก็คลิกตามลิงค์ข้างล่างนี้

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2010/09/A9736909/A9736909.html

ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
2#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:24:31
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 24-12-2010 11:18

ไม่ได้มาโพสรีวิวหนังนานมาแล้ว เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ดูหนังที่ทำให้อยากเขียนอะไรยาวๆ สักเท่าไหร่
จนมาเจอหนังเรื่องนี้แหละครับ ที่ทำให้ต่อมอยากเขียนอยากเล่ากำเริบ


ขอบอกว่าหลังจากหนังเข้าฉายได้เดือนกว่าๆ พึ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อคืนนี้เองครับ
เนื่องจากภาระหน้าที่ในชีวิตขณะนี้ที่ทำงานโครงการพระราชดำริอยู่
ก็เลยไม่ค่อยได้เข้ามาตัวเมืองสักเท่าไหร่ กว่าจะได้ลงมาและมีเวลามาดูได้
ก็ลุ้นแทบแย่ว่าหนังจะลาโรงก่อนไหม โชคดีที่หนังกระแสดีเลยอยู่ยาวมาถึงป่านนี้

ไม่เหมือนกับตอนสิ่งเล็กๆ เข้า ที่ไปดูตั้งแต่วันแรกที่หนังเข้าเลยทีเดียว อิอิ

แต่ทั้งสองเรื่องนี้ดูแล้วก็ชอบทั้งสองเรื่องแหละ อารมณ์เหมือนกินข้าวแกง กับก๋วยเตี๋ยว
มันอร่อยกันไปคนละอย่าง คนละอารมณ์




ผมเองก็ชอบเรื่อง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" เหมือนกันครับ ชอบทั้งสองเรื่องเลย...

เป็นหนังที่ดีทั้ง 2 เรื่อง ไม่น่าจะจับมาชนกันเลย... น่าจะฉายกันคนละเวลา แต่ถึงยังไงผมก็ชอบ "กวน มึน โฮ" มากกว่า เพราะมันดูไม่เบื่อ มีมุขตลกสอดแทรกตลอด ในขณะที่ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" มันมาสนุกเอาตอนเฉลย และมาซึ้งเอาตอนท้ายๆ

ก่อนหน้านั้น.... มันก็แค่เด็กผู้หญิงรุ่นน้องที่ไปแอบปลื้มรุ่นพี่ การดำเนินเรื่องก็สุดแสนจะเรียบง่าย

โจทย์ก็คือ... ถ้าเราแอบปลื้มใครซักคน เราจะทำอะไรเพื่อให้เค้าหันมาสนใจเราได้บ้าง สำหรับผม... มันไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะมันเป็นของที่พอจะรู้ๆ กันอยู่แล้ว ดูๆ ไป ผมยังนึกอยู่ในใจว่าความรักแบบนี้ มันไม่น่าจะยั่งยืน

จนมาถึงตอนท้ายๆ นั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่า เออ... ความรักมันอาจจะเริ่มต้นจากความประทับใจเล็กๆ ในคนบางคน แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ แล้วสุดท้าย กาลเวลาก็จะพิสูจน์ได้เองว่ามันไม่ใช่สิ่งเล็กๆ อีกต่อไป (ยิ่งนานก็ยิ่งเติบโต)

ดูถูกไม่ได้แฮะ... อะไรที่ดูเหมือนไร้สาระสำหรับเรา บางทีมันอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนบางคนได้ทั้งชีวิตเลยนะ

เหมือนคนที่บ้าดาราเกาหลี บ้านักร้องเกาหลี ไปเรียนภาษาเกาหลี ศึกษาวัฒนธรรมเกาหลี จนกระทั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องประเทศเกาหลี ได้เป็นล่าม ได้เป็นนักการทูต ได้ทำงานที่มีเกียรติ มีคนนับหน้าถือตา... ประสบความสำเร็จในชีวิต

ทั้งหมด... ก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆ นี่แหละ

ไม่แน่นะ... ความประทับใจเล็กๆ ในตัวหนูนา ณ เวลานี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับใครอีกหลายๆ คนก็ได้


ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
3#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:26:26
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 6-12-2010 14:42


ไม่รู้จักฉัน... ไม่รู้จักเธอ...

นี่คือทรีมหลักของหนังที่หยิบเอาประเด็นนี้มาเล่น โดยตั้งโจทย์ว่า
จะเป็นไปได้ไหมที่คนสองคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะสามารถไปเที่ยวกันได้
เพียงแค่สองต่อสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชายหนุ่ม หญิงสาวซะด้วย

โชคดีที่ผมได้อ่านการ์ตูนมาก่อน ก็เลยทำให้เข้าใจพื้นฐานตัวละครหลักมากขึ้น
ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้เป็นเช่นนี้ ปมหลังต่างๆ ทั้งจากคู่พระนางทำให้เข้าใจ
ถึงการกระทำของคนทั้งคู่ได้ง่ายขึ้น

หลายคนอาจจะบอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ชายหญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
จะไปเที่ยวด้วยกัน แถมความสนใจร่วมกันก็ไม่มีสักอย่าง เป็นไปไม่ได้ !!!

ประเด็นนี้ในหนังปูพื้นเรื่องให้เห็นว่าสาเหตุที่นางเอกยอมกลับมาช่วยพระเอก
ที่กำลังโดนตำรวจเกาหลีรวบตัวอยู่นั้น เป็นเพราะประโยคสุดท้ายที่พูดว่า

"เราคนไทยเหมือนกัน"

ประโยคนี้แหละที่ทำให้สุดท้ายนางเอกไม่สามารถเอาหูเอานาเอาตาไปไร่
ปล่อยให้ตาแสนกวนคนนี้โดนตำรวจเกาหลีหิ้วไปไหนต่อไหนได้ลงคอ
เพราะรู้ว่าตานี่พูดอังกฤษก็ไม่ได้  พูดเกาหลีก็ไปกันใหญ่  หากปล่อยไป
รับรองว่าคงโดนขังแน่ๆ เพราะฝ่าฝืนกฎหมายเขาเต็มๆ

และจากนิสัยของเธอ  ถ้าปล่อยไปก็คงเที่ยวต่อไม่สนุก เพราะจะรู้สึกผิดในใจ

สุดท้ายเลยกลับไปช่วย และอนุญาตให้ตานี่ติดไปเที่ยวด้วยกันแบบไม่เต็มใจนัก

และนี่คือจุดเริ่มต้นของประเด็นต่อไปของหนังเรื่องนี้หลังจากปูพรม
ความสัมพันธ์เริ่มต้นแบบกวนๆ ฮาๆ ของคนทั้งคู่



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
4#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:44:14
รักไม่ต้องการเวลา...

นี่คือประเด็นที่หยิบมาเล่นกับคำว่า "โฮ"  หรือประเด็นที่จะนำพาเข้าสู่ความโฮแมนติค
ของหนังเรื่องนี้นั่นเอง ซึ่งผมว่าเป็นประเด็นที่หยิบมาเล่นได้เข้าท่ามากๆ ลงตัวกับทรีมหลัก
และทำให้เส้นเรื่องแข็งแรงขึ้นมาอย่างมากมายมหาศาล

เพลงประกอบเรื่องนี้ก็ลงตัวสุดๆ โดยเฉพาะท่อนแรกของเพลงที่ขึ้นต้นว่า...

ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน...
คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา...
ยิ่งเนิ่นนานนานไปเท่าไหร่... ความรักยิ่งมีค่า...
ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน... รักที่ฉันเคยเข้าใจ...

จะเห็นว่าทั้งคู่ต่างก็มีความรักที่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า "ความผูกพัน" กันทั้งคู่
พระเอกมีความรักกับสาวรุ่นพี่มาเป็นระยะเวลาถึงแปดปี
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจริงจัง พร้อมกับสิ่งที่ฝ่ายหญิงร้องขอ

… การแต่งงาน …

เขากลับพบว่าตัวเขาเองไม่พร้อม และไม่มีความมั่นใจใดๆ เลย
ว่าจะสามารถดูแลฝ่ายหญิงที่มีหน้าที่การงานที่ดีกว่าเขามากมาย
และสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาเลยก็ได้

ดังนั้นความสับสนที่เกิดขึ้น ทำให้เขาที่เมาขาดสติ
ก่อเรื่องขึ้นโดยไปตะโกนที่คอนโดของก้อย
จนกลายเป็นสาเหตุให้ต้องเลิกกันในที่สุด

สุดท้ายความผูกพันนับแปดปีที่คบกันมา
ก็ล่องลอยหายไป พร้อมกับบาดแผลในใจของเขา
ที่สุดท้ายเมื่อความสัมพันธ์ตรงนั้นหายไป
เขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เคยชินต่างๆ นานาในอดีตนั้น
หายไปจากชีวิตของเขา และกลายเป็นว่าคนที่มีอาการที่สุด
กลับกลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายก่อเรื่องจนความสัมพันธที่เคยมี
พังทลายลงไป

การตัดสินใจไปเกาหลี เพราะคาดหวังว่าก้อยอาจจะไป
จึงเป็นทางออกสุดท้ายที่เขาหวังว่าจะได้พบกับเธอคนนี้อีกครั้ง
พร้อมกับการพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าจะพูดเมื่อได้เจอเธอ

ซึ่งนั่นก็คือข้อความที่เขาเขียนเอาไว้ในโปสการ์ดนั่นเอง

… แต่งงานกันนะ …



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
5#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:46:09
ในส่วนของนางเอก  แม้ว่าความรักจะเป็นไปในรูปแบบพ่อกับลูก
มากกว่าจะเป็นความรักแบบหนุ่มสาว แต่เธอก็ไม่รู้สึกแย่อะไร
เพราะรู้สึกว่าการที่แฟนมีอายุมากกว่า ก็ย่อมเป็นห่วงเป็นใยเธอเป็นธรรมดา
และเมื่อมีอะไรไม่ถูกใจแฟน เธอก็จะเป็นฝ่ายยอมอยู่เสมอๆ

และนี่คือความรักที่เธอมีและเป็นอยู่อย่างนี้มาเนิ่นนาน
ซึ่งถ้าพากษ์ไทยแบบท่าน ม.ประภา ณ หงสาจอมราชันย์
ก็คงต้องบอกว่า...

แม้ว่าจะดูเป็นแมวน้อยที่คอยเชื่อฟังนายท่านอยู่เสมอ
แต่ลึกๆ ในใจใครจะรู้เล่า... ว่าตัวข้านั้นคิดเยี่ยงไร...

แล้วสุดท้ายความเก็บกดที่มีก็ถูกระบายออกมาในฉากบอกเลิกนั่นเอง

ความรักต้องการเวลาไหม... ณ เวลานั้นที่ทั้งคู่ต่างกลายเป็นคนโสด
อย่างสมบูรณ์ด้วยกันทั้งคู่ที่เกาหลี คำถามนี้คงยังไม่มีใครตอบได้
และช่วงเริ่มต้นทั้งคู่ก็อาจจะไม่ได้คิดจะถามคำถามนี้กับตัวเองด้วยซ้ำไป
อันเนื่องมาจากต่างก็ไม่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความเสน่หากันแต่อย่างใด

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นที่ความเห็นอกเห็นใจในภูมิหลังของกันและกัน
และเมื่อต่างก็ถูกทิ้งเหมือนกัน จึงกลายเป็นว่าเริ่มมีจุดเริ่มต้นความคล้าย
ระหว่างกันและกันในที่สุด  ไม่ใช่ต่างกันสุดโต่งอย่างที่เคยเป็นในช่วงแรก



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
6#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:47:31
ยินดีที่ไม่รู้จัก

จากนั้นเราก็ถูกดึงเข้าสู่ทรีมหลักของเรื่อง นั่นก็คือคนสองคนที่ไม่รู้จักกัน
มาเที่ยวด้วยกัน และค่อยพัฒนาความสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้เงื่อนไขของเวลาสั้นๆ แต่กลับสร้างความผูกพันได้อย่างคาดไม่ถึง

หลังจากเที่ยวด้วยกันในระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างรอทัวร์กลับมารับ
ตาพระเอกของเราก็พบว่าเขาสนุกที่จะได้เที่ยวกับเธอคนนี้มากกว่า
เมื่อเทียบกับการต้องเที่ยวตามกรุ๊ปทัวร์ที่ดูแล้วเขาเหมือนไม่มีส่วนร่วม
ในความสุขใดๆ กับคนอื่นๆ ในกรุ๊ปทัวร์เลย

ในขณะที่นางเอกของเราเองก็รู้สึกว่าการเที่ยวกับตาคนนี้
ก็ทำให้เธอรุ้สึกไม่เหงามากอย่างที่เคยเป็น
การได้เที่ยวกับคนที่ไม่รู้จัก พร้อมกับเกมที่เธอกำหนดขึ้นมา
จึงเกิดขึ้นและนำไปสู่เรื่องราวในองค์ที่สองของเรื่องในที่สุด



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
7#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:48:42
สิ่งที่ผมชอบในเรื่องคือการดึงเอาพี่อ้อย พี่ฉอดมาเป็นส่วนเสริม
นั่นเพราะมันเป็นอะไรที่ตรงมากกับเส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้

จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือหลังไมค์มีไออุ่นของพี่อ้อย
ซึ่งมีบทหนึ่งเขียนเกี่ยวกับการขอหลังไมค์ของคนฟังว่าขอไปทำไม
ซึ่งพี่อ้อยอธิบายว่าส่วนใหญ่จะปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาชีวิต
นั่นเพราะเขารู้สึกว่าดีเจคือคนที่ไม่รู้จักเขา แต่คุ้ยเคยเพราะฟังกันมานาน
ดังนั้นจึงสบายใจมากกว่าที่จะเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฟัง
และเชื่อว่าดีเจอย่างพี่อ้อย จะให้คำปรึกษาที่ดีกว่าไปคิดเอง
หรือเอาไปพูดปรึกษากับเพื่อนที่ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหน
และจะถูกเอาไปนินทาหรือเปล่า

ด้วยเหตุนี้เมื่อดึงเอาปมนี้เข้ามาเสริม ทำให้ผมรู้สึกว่าลงตัวมากๆ
แถมยังใช้คุ้มด้วยครับ ที่สำคัญหนูนาเล่นได้น่ารักสุดๆ ทำเอาฉากนี้
กลายเป็นฉากสานสัมพันธ์แสดงความห่วงใยกันของคนทั้งคู่ได้อย่างลงตัว
ไม่เลี่ยนมากไป และไม่ดูเยิ่นเย้อด้วย ลงตัวสุดๆ สำหรับผม

และอย่างที่เห็นกันว่าพอทั้งคู่ไม่คิดจะรู้จักกันในเรื่องส่วนตัวมากนัก
ทำให้ต่างฝ่ายต่าเป็นตัวตนของตัวเองอย่างเต็มที่ แสดงออกมา
แบบไม่ต้องคิดอะไรมากนัก  ยิ่งอยู่ต่างประเทศด้วยแล้ว
มันยิ่งรู้สึกสบายใจเข้าไปใหญ่ นี่จึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่
สนิทกันไวขึ้น และเข้าใจตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
8#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:50:24
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jom_bk เมื่อ 6-12-2010 14:52

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายทาง

เราได้เห็นฉากที่พระเอกโทรศัพท์หาก้อยบ่อยๆ
และก็ได้รู้ว่าไม่ใช่ว่าปลายสายปิดเครื่องหรือไม่รับโทรศัพท์
แต่เป็นการกดรับ แล้วก็วางสายโดยไม่แม้แต่จะคุยด้วย
ซึ่งแรกๆ เราก็เข้าใจไปว่า ก้อยอาจจะโกรธและไม่คิดจะติดต่ออีก
และคงเลิกสนใจพระเอกไปแล้ว ยิ่งถ้าใครได้อ่านการ์ตูน
จะเข้าใจชัดเจนขึ้น ว่าสาเหตุของการเลิกกันคืออะไร

แต่สุดท้ายหนังก็มาเฉลยให้เราฟังผ่านคำพูดของเพื่อนพระเอก
ที่บังเอิญมาเจอกันที่เกาหลีแบบบังเอิญสุดๆ (เอาน่ามันคือหนัง)
และคำตอบก็คือ...

… ก้อยกำลังจะแต่งงาน …

แต่งกับใคร เพราะอะไร ทำไมถึงรีบแต่ง
ไม่มีข้อมูลอธิบายแน่ชัด แต่นั่นเพียงพอแล้ว
ที่จะให้เข้าใจว่าทำไมก้อยไม่รับโทรศัพท์


ไม่ใช่เพราะโกรธ...
ไม่ใช่เพราะโมโห...
ไม่ใช่เพราะรำคาญ...
ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุย...

นั่นเพราะคาร์แรคเตอร์ของก้อยคือคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก
ดังนั้นการตัดสินใจแต่ละอย่างของเธอจึงมีเหตุผลสำหรับเสมอ

การไม่คุยกับพระเอกก็เช่นกัน เหตุผลนั้นก็คงเพราะ
มันหมดเวลาที่จะมาพูดคุยกับพระเอกแล้ว ณ เวลานี้
เธอกำลังจะแต่งงาน และโอกาสระหว่างเขาและเธอก็หมดไปแล้ว
อีกทั้งการยืนยันของเขาที่บอกว่าไม่มีวันแต่งงานกับเธอ
ทำให้ก้อยเข้าใจว่าพระเอกคงโทรมาด้วยสาเหตุอื่น
ดังนั้นการพูดคุยกันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว

การรับโทรศัพท์แต่ไม่พูด จึงเป็นสิ่งที่จะบอกให้กับคนปลายสายที่โทรมาว่า

… เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว …



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
9#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:53:50
พยายามอีกหน่อย... Try more …

หลักจากทราบความจริง เราเห็นพระเอกเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมๆ กับคำพูดที่ราวกับฆ้อนตบหัวผมที่นั่งดูอยู่แบบไม่ทันตั้งตัว

… "เลิกกันไปตั้งนานแล้ว ดันคิดไปเองว่ายังมีหวัง" …

ผมเชื่อว่าหลายคนเป็นอย่างนี้ คิดว่าพอเลิกกันไปแล้ว
เธอคนนั้นคงไม่มีใคร และเรายังพอมีโอกาสง้ออยู่บ้าง
แต่เมื่อสุดท้ายได้รู้ว่าเธอคนนั้นกำลังจะแต่งงาน
มันก็เหมือนฟางแห่งความหวังเส้นสุดท้ายที่หลุดลอยไป

และสิ่งที่ติดค้างอยุ่ภายในใจเขาเรื่อยมานั่นก็คือ
เป็นเพราะเขาไม่ได้พยายามมากพอ จึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

และนั่นก็คือที่มาของการที่เขาเข้าไปคุยกับเจ้าบ่าวให้พยายามอีก
เพราะนั่นคือปมแผลที่กำลังบาดลึกอยู่ในใจของเขา ณ​เวลานั้นนั่นเอง

… ถ้าเราพยายามมากว่านี้ …

ผมว่าประโยคข้างบนคือสิ่งที่ลอยอยู่ในหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ระหว่างที่ยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่มซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตรงนี้คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ก้าวกระโดด
นางเอกรู้สึกผิดที่ดันไปเชียร์ให้พระเอกขอแต่งงาน
โดยเสนอให้ส่งโปสการ์ดไป โดยไม่รู้เลยว่าผลที่ตามมานั้น
นอกจากมันจะทำร้ายพระเอก ณ เวลานั้นแล้ว
มันกลับตามมาทำร้ายตัวเธอเช่นกันในช่วงท้ายเรื่อง



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา

4

กระทู้

104

เพื่อน

485

เครดิต

Gold Fan

Rank: 3Rank: 3Rank: 3

โพสต์
485
โรฮัน
93
10#
โพสต์เมื่อ 6-12-2010 14:55:04
เอาป่ะล่ะ !!!!

เป็นอีกประโยคที่ผมชอบในน้ำเสียงมากๆ หนุนาแสดงได้ดีจริงๆ
บทสนทนาสั้นๆ แต่การเล่นกับน้ำเสียงทำให้รู้สึกว่า
เรากำลังจะได้เห็นอะไรสนุกๆ จากคนทั้งคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องเศร้าๆ กันมา
แบบสุดๆ ด้วยกัน  ดังนั้นการที่ได้เงินมาฟรีๆ จากการพนัน
ย่อมทำให้ไม่รู้สึกเสียดายเงินมากนัก โดยเฉพาะเมื่อกะจะมาเที่ยวอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หนังดึงจังหวะเครียดจากฉากก่อนหน้าลง
แล้วปูเข้าสู่ช่วงตลกหวานได้อย่างลงตัว พร้อมๆ กับสูตรเดิมๆ
ของหนังแนว Road Movie ที่ค่อยๆ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการณ์
ของความสัมพันธ์พร้อมกับระยะทางบนถนนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ชอบฉากที่ลานหิมะมากๆ แสงสวย และถ่ายย้อนแสงได้งามสุดๆ

หลายๆ ฉากในช่วงนี้ปูให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
อย่างที่คนทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัว นั่นเอาจจะเป็นเพราะต่างคนต่าปลดหน้ากากออก
และแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมา จึงทำให้สนิทกันไวขึ้น

อีกทั้งความเหงา... และสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องอยุ่ด้วยกันตลอดเวลา
ทำให้เมื่อมาอยู่ในบรรยากาศโรแมนติคๆ กลางหิมะที่โปรยปราย
จูบแรกของคนทั้งคู่จึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

ง่ายเกินไปไหม... ผมว่าในสถานการณ์แบบนั้น

… เป็นใครก็เคลิ้ม …

ไอ้ตอนจูบเนี่ยไม่ยากหรอก  แต่ที่ยากกว่าคือทำไงหลังจูบนี่สิ



ความเข้มแข็งที่แท้จริงคือความเมตตา
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|หนูนา แฟนคลับ สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

GMT+7, 2-6-2024 17:37

Powered by Discuz! X2.5 Release 20120901

© 2001-2012 Comsenz Inc.